วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

MERCURY MAN

(Trailer)

After being stabbed with an ancient Tibetan amulet, a Bangkok firefighter named Chan is transformed into a superhero when his body becomes a massive heat source, which he learns to manipulate to give him super strength, increased agility and the ability to make great leaps.

Chan's fate is entwined with an Afghan terrorist, Osama bin Ali, who wants the power of the Tibetan amulet to use in a plot to destroy the United States. With his international terrorist organization, led by henchwoman Areena, Osama kidnaps Chan's mother and transsexual sister (Played by famed transsexual Thai kickboxer Nong Toom, credited as Parinya Kiatbusaba) [4, 5, 6, 7, 8] and takes them to the Royal Thai Navy base, where he hopes to launch a rocket at a US Navy chemical weapon ship. Osama also has suicide bombers spread out throughout Thailand, stationed in American franchises in Thailand, ready to act on his word.
Aided by the young female guardian of the amulet, Chan rescues his mother and sister. However, he must face Areena, who has stabbed herself with a companion amulet, giving her the powers of extreme cold and ice.




MERCURY MAN IN JAPAN
                                                                                                                                           MERCURYMAN VS


Production
Similar to Ong-Bak, which was also choreographed by Panna Rittikrai and produced by Prachya Pinkaew, Mercury Man contains "shout outs" to Western films. References to Spider-Man are seen throughout Mercury Man, in dialogue, in Spider-Man T-shirts worn by extras and through spray-painted messages in the scenery, such as "Spidy how R U?"





เรื่องราวของมนุษย์เหล็กไหล

ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เหล็กไหลจันทรา (ความเย็น) และเหล็กไหลสุริยัน(ความร้อน) รวมตัวกันคราใด ก็จะนำมาซึ่งขุมพลังแห่งอำนาจเอนกอนันต์อันยากเกินกว่าสรรพวุธอื่นใดจะสามารถสยบและหยุดยั้งได้ แต่แล้วแผนการครอบครองเหล็กไหลดังกล่าวของ อุสมาห์(อานนท์ สายแสงจันทร์)หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางหาได้เป็นอย่างที่คิดไม่ ถึงแม้ อารีน่า(เมทินี กิ่งโพยม)สมุนมือขวาของตนจะสามารถแย่งชิงเหล็กไหลจันทรา (วัชรธาตุ หรือ หยดน้ำฟ้า อันศักดิ์สิทธิ์)มาจาก พูนิมา (จินนิภา คงบัว) เทพผู้ปกป้องประจำ อารามแห่งหนึ่งในธิเบตมาได้แล้วก็ตาม แต่ในระหว่างการปล้นตัวอุสมาห์ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติจากเรือนจำคุ้มครองพิเศษจากทางการไทยเกิดความผิดพลาดขึ้นจนนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่ในเรือนจำ จนทำให้เหล็กไหลสุริยันทิ่มแทงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของฌาณ (วสันต์ กันทะอู) นักดับเพลิงหนุ่มผู้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ต้องตื่นตะลึงกับพลังลึกลับและฤทธานุภาพของเหล็กไหลที่อยู่ในตน

ทางเดียวที่จะไม่ให้พลังแห่งความร้อนแรงที่เกิดขึ้นจากเหล็กไหลแผดเผาเลือดเนื้อและร่างกายของฌาน คือจะต้องเรียนรู้การควบคุมสภาวะความรุ่มร้อนในอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากส่วนลึกในจิตใจของตนให้จงได้และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังจากเหล็กไหลที่ตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดเนื้อและร่างกาย และที่สำคัญจะต้องรับมือกับพลานุภาพของเหล็กไหลจันทราที่บัดนี้ถูกนำไปพัฒนาระดับขั้นของพลังเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีกจากกลุ่มก่อการร้ายของอุสมาห์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการปะทะกันระหว่างพลานุภาพของเหล็กไหลทั้ง 2 ขั้วภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ชายหนุ่มอย่างฌาน หรืออีกนัยหนึ่งคือ “มนุษย์เหล็กไหล” จะต้องรับมือ

TEARS OF THE BLACK TIGER


( Trailer )




TEARS OF THE BLACK TIGER takes a journey back to a lost past – the heroic years of Thai genre cinema, when influences from Hollywood and everywhere else were subsumed into rollicking Thai melodramas for an audience of avid fans. Sasanatieng’s film is a brilliant pastiche of vanished themes, styles and characters, almost all of them easily recognizable as variants on the prototypes from other popular cinemas. But the film’s project is not simply nostalgic. Sasanatieng uses the tricks and tropes of film style from the 1960’s- iris shots, wipes, obvious back-projection – but combines them with a startling, modernist approach to color and storytelling. The result is not only unique in Thai cinema but also an entirely new way of looking at genre entertainment.
TEARS OF THE BLACK TIGER offers nostalgia as future shock.



When Dum, a young peasant boy, falls in love with Rumpoey, the daughter of a wealthy family, they vow that, whatever happens, they will one day be together. When they meet again ten years later, their rekindled passion is thwarted by the murder of Dum’s father by outlaws and by Rumpoey’s betrothal to a smooth-talking police captain. Dum soon transforms himself into the gunslinging bandit, “Black Tiger,” in order to infiltrate the gang who murdered his father. Fate will reunite the lovers one more time, but will they be able to continue their romance? Or will tragedy strike again?


ฉายเมื่อ 29 กันยายน 2543
แนวเรื่อง ชีวิต โศกเศร้า เคล้าน้ำตา บู๊ ประทับใจ เพลงไพเราะ
แก่นเรื่อง รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ

เรื่องย่อ
  "โศกนาฎกรรม ความรัก ระหว่าง รำเพย หญิงสาว ในตระกูล สูงศักดิ์ กับ เสือดำ จอมโจร ผู้เดียวดาย และเปลี่ยวเหงา"                 ทั้งสองพบกัน ในช่วงปฐมวัย ระหว่าง สงครามโลก ครั้งที่ 2 ครอบครัว รำเพย อพยพ มาหลบภัย อยู่กับครอบครัว ของ ดำ ที่สุพรรณบุรี ที่นี่เอง ความสนิทสนม ได้ก่อตัวขึ้น ช้าๆ และ เมื่อเด็กชายดำได้ช่วยปกป้อง เด็กหญิงรำเพย จนตนเอง ได้รับบาดเจ็บ และฝาก รอยแผลเป็น จารึกไว้ ที่หน้าผาก จนชั่วชีวิต เด็กทั้งสอง ได้ประทับ ความทรงจำ ครั้งนั้น ตราตรึงไว้ ในหัวใจ ตลอดไป แม้จากกัน ไปแล้ว ก็ยังคง เฝ้าถวิลหา ถึงกัน ไม่เสื่อมคลาย

สิบปีต่อมา ทั้งสองพบกัน อีกครั้ง ในพระนคร และดำได้ช่วยปกป้องรำเพยไว้เป็นครั้งที่สอง ความทรงจำ ในวัยเยาว์ ที่เขาและเธอ มีต่อกัน บัดนี้ งอกงาม เพิ่มพูน จนกลายเป็น ความรัก อันจีรัง ยั่งยืน ดำให้สัญญาว่า เขาจะกลับ ไปทำไร่ ที่สุพรรณ เก็บเงิน มาสู่ขอรำเพยให้ได้ ส่วนเธอ ก็สัญญาว่า ถ้าความรัก ไม่สมหวัง เธอก็จะ หนีตามเขาไป

แต่แล้ว โชคชะตา ก็มักจะ เล่นตลก กับมนุษย์เสมอ เมื่อดำกลับถึงบ้าน แล้วพบว่า พ่อถูก ฆ่าตาย เขาคว้าปืน ออกตามล้างแค้น คนที่ฆ่าพ่อ จนต้อง ระหกระเหิน ไปพบกับ กองโจรของเสือฝ้ายและเสือมเหศวร เขาจำต้อง ตกกระได พลอยโจร ไปด้วย นับแต่นั้นมา ทั่วทั้งสุพรรณ ก็รู้จักชื่อของ เสือดำ สมุนมือขวา ของเสือฝ้าย ผู้ยิงปืนแม่น ราวจับวาง ส่วนรำเพยถูกบังคับ ให้รับหมั้นกับ รตอ.กำจร เธอตัดสินใจ หนีตามดำไป โดยทั้งสอง นัดแนะกัน มารอที่จุดนัดพบแห่งหนึ่ง อนิจจา…โชคชะตา ก็เล่นตลกอีก เป็นครั้งที่สองเสือดำบังเอิญ ติดภารกิจ สำคัญ แม้จะพยายาม เร่งรีบ เพื่อจะ มาพบเธอ ให้ได้ แต่ก็ สายไป เสียแล้ว รำเพยรอจนเชื่อว่า เขาคง ไม่มาแล้ว จึงกลับ ไปเข้า พิธีหมั้นกับ รตอ.กำจร ด้วยหัวใจ แตกสลาย

หลังงานหมั้น รตอ.กำจร นายตำรวจหนุ่ม จากพระนคร ตัดสินใจ นำกำลังตำรวจไปกวาดล้างรังโจรเสือฝ้าย เพื่อ หวัง สร้างผลงาน แต่เสียทีถูกเสือฝ้ายจับตัวได้ เสือฝ้ายให้เสือดำไปสังหาร รตอ.กำจร ครั้นรู้ว่า วาระสุดท้าย ของตน มาถึงแล้ว รตอ.กำจร ได้ขอร้อง เสือดำให้ส่งข่าว แก่คู่หมั้น ของเขา พร้อมมอบรูปถ่าย รำเพย ให้ดู เสือดำ ตกตะลึง เมื่อรู้ว่า รำเพย คือคู่หมั้น ของรตอ.กำจร แต่ด้วย ความรัก ความเสียสละ เขาตัดสินใจ ปล่อย รตอ.กำจร ไปด้วยดวงใจ อันปวดร้าว เมื่อเสือฝ้ายรู้ว่าเสือดำทรยศต่อเขา จึงสั่งให้เสือมเหศวรหลอกเสือดำไปฆ่า แต่เสือดำก็รอดมาได้ หวุดหวิด ทั้งยัง รู้ข่าวว่าเสือฝ้ายจะยกพวก ไปถล่ม งานแต่งงาน ของ รำเพยกับรตอ.กำจรในคืน วันงาน ที่จะถึงนี้

เสือดำก็ตัดสินใจ เอาชีวิต เข้าแลก เพื่อปกป้อง คนที่ เขารัก ให้พ้น จากอันตราย อีกครั้งหนึ่ง





วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

RED EAGLE



( Teaser Red Eagle )
http://www.google.co.th/url?sa=t&source=web&cd=1&ved=0CBoQtwIwAA&url=http%3A%2F%2Fwww.youtube.com%2Fwatch%3Fv%3DpKJ9iIzmZiA&ei=DEcmTZH7LMPxrQfgm4DHDA&usg=AFQjCNGfB3EyecBEfTmI-MKC_Y4yIT3TTQ&sig2=fLy1v39qrbimh2OnfsXogQ

เรื่องย่อ (2010)


ปี 2016 กรุงเทพมหานคร เต็มไปด้วยความวุ่นวาย โจรผู้ร้ายชุกชุม เกิดการคอรัปชั่นของนักการเมืองและกระจายวงกว้างเกินกว่าจะควบคุมได้ โครงการอาวุธนิวเคลียร์ร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น ท่ามกลางสภาพความเสื่อมโทรมของสังคม ประเทศชาติ ได้เกิด วีรบุรุษลึกลับ ที่ตามล่ากวาดล้างคนชั่ว เขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ทุกครั้งที่ฆ่าคนชั่วสำเร็จ มีเพียงนามบัตรใบเดียวที่ทิ้งไว้ ภายใต้ชื่อ "อินทรีแดง" แต่..
อินทรีแดงไม่ได้เป็นผู้ล่าเพียงฝ่ายเดียว เขายังต้องเผชิญหน้ากับ "ปีศาจดำ" นักฆ่ามือหนึ่ง ที่เหล่าคนชั่ว ส่งมาตามล่าเขา เช่นกัน


Five Star Productions held a press release announcing the new “Insee Daeng” movie to the Thai public from Central Festival Shopping Center on Tuesday. The movie, a remake of the 1970’s action classic, is set to open in cinemas nationwide on the 7th of October 2010.
Pattaya, the 17th of August 2010 [PDN]: Five Star Production Managing Director Mr. Jarern Iamphungphorn along with Director Wisit Satsanatieng and Pattaya City Mayor Itthiphol Khunpluem announced the grand opening of much anticipated release of “Insee Daeng” from the Central Festival on Tuesday.



“Insee Daeng” (Red Eagle) is a remake of the 1960’s action classic of the same name, staring popular, now deceased, Thai movie star Mit Chaibancha. The remake, sees up-and-coming star Ananda Everingham take the role of the Red Eagle, a crime-fighting hero, playing alongside the affable Yarinda Bunnak who is the heroin of the film.
Despite originally being producer some 40 years ago, “Insee Daeng” is still considered a cult classic from the Thai film industry. The popularity of its successor remains to be seen, however, given the success of the original it must go down as one of the most anticipated Thai movies in years. There were two further movies in what is often lauded at the “Insee Series” they were, “Jao Insee” (King Eagle) and “Insee Thong” (Gold Eagle) both also produced and released in the 1960’s.









                                                     RED EAGLE THE MOVIE ( 2010) (ANANDA EVERINGHAM )




                                       
                                    RED EAGLE The Series ( JAME )


 RED EAGLE Classic version ( MITCHAI BANCHA )
The original lead role of the Red Eagle, played by famous Thai star Mit Chaibancha, proved to be the action-stars last appearances on the silver screen. Mit tragically died during the filming of the “Insee Thong” movie, coincidentally occurring along the Dong Tan Beach in Jomtien. Mit, whilst attempting to unravel a rope ladder, fell from a helicopter flying above the beach, later dieing of his injuries.

Mit Chaibancha, with over 250 movies to his credit, has since been remember at the scene of his death, with the construction of the “Mit Chaibancha Court” approximately 100 meters from the Hanuman Curve in Jomtien. Given the same stunts and death defying action scene present in the current remake of the Red Eagle, producers and the Five Star Production Company were vigilant in their adherence to safety practices during shooting, providing top of the line insurance for their new action stars.

In addition to the announcement of the movie on Tuesday, the actors also put on an outstanding display featuring actor Ananda, who unravelling and then climbing a rope ladder from a helicopter circling the Central Festival building, before performing an advantageous array of motorbike manoeuvres for the adoring crowd once the helicopter had landed.




Red Eagle will begin showing in cinema’s nationwide as of the 7th of October 2010 with initial reports expecting viewing figures unsurpassed in the Thai film industry. At present no reports of whether a remake of the other two “Insee” films are being considered.

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

NAKA


นี่คือNAKA(นาคา)เป็น HERO ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นที่จับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้
ไม่เฉพาะแต่ในประเทศเราเท่านั้น แต่ความดังของนาคายังไปโดนใจวัยโจ๋อีกหลายประเทศ
คงเป็นเพราะงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และสวยงามโดดเด่นจนทำให้ใครหลายๆคน
ต้องยกนิ้วให้ น่าภูมิใจแทนคุณHATA เจ้าของลิขสิทธิ์ HERO จ้าวแห่งวารีตัวนี้จริงๆ




งานออกแบบนาคาครับไม่บอกก็รู้ว่า ออกแบบมาจากพระยานาค










งานนี้นักสะสมถึงกับตาลุกวาวเชียวครับ ต้องบอกว่างานออกมาสวยมากๆครับ








คุณเชนดูจะชื่นชอบNAKA จริงๆนะครับนี่ อิอิอิ

ภาพคุณHATA ถ่ายรูปหมู่กับเหล่าชุดจากเรื่องNAKA


นี่ก็คือน้องนาคาที่เด็กๆชื่นชอบครับน่ารักจริงๆ


                                                        ตัวอย่างความอลังการของ NAKA THE BATTLER ( COMIC )
                                                                   
เรื่องราวของNAKAยังไม่หมด จะนำมาUP ขึ้นเรื่อยๆครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

KAVINMAN (นิยาย)


นี่คืออีกหนึ่งผลงานฉลองครบรอบ 12 ปี KAVINMAN
แต่งโดย  จักรพงศ์ คงเขียว
ตอนที่ 1 PART 1





    เมื่อกล่าวถึงเมืองแห่งหนึ่งที่ระบบบริหารประเทศได้เอื้ออำนวยให้กับบุคคล แต่ไม่ใช่ประชาชน ดังนั้นเมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยอาชญากรมากมายตั้งแต่โจรมือใหม่ จนไปถึงพวกที่ไต่เต้าจนได้เป็นเจ้าพ่อควบคุมกิจการเล็กใหญ่และลูกสมุนในสังกัดนับร้อย

     กาวินแมนและเหล่าพันธมิตรHERO ได้ร่วมกันต่อกรกับอำนาจมืดมาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่สามารถล้มหัวมังกรของเหล่าเจ้าพ่ออาชญากรอย่าง TK ลงได้ วันเวลาแห่งการต่อสู้ผ่านไปเนิ่นนาน จำนวนของพวกเลวทรามมีแต่จะเพิ่มขึ้น
        เหล่าHERO จำนวนมากต่างถอดใจ ละทิ้งหน้ากากแห่งความยุติธรรมของพวกเขาและหันกลับไปเข้าสังคมประกอบอาชีพเยี่ยงคนธรรมดา และต้องอยู่อย่างอัปยศ มีเพียงกาวินแมนที่ยังคงยืนหยัดไม่ยอมล้ม เพราะเขาเชื่อว่า ยังไงเมืองนี้ก็ต้องมีผู้กล้าสักคนที่จะคอยเป็นแสงกว่างในความมืด จุดประกายไฟแห่งคุณธรรมให้กับผู้ที่ต้องการ

      กาวินแมนยอมเสียสละตัวเองต่อสู้กับอำนาจมืดมาเนิ่นนาน จนร่างกาย มีแต่บาดแผล และลึกๆในใจเขาเริ่มรู้สึกแล้วว่า เขาอาจจะยอมแพ้ให้กับสังขารของเขาเองสักวัน  แต่แล้ววันหนึ่ง กาวินแมนได้รับสารที่ส่งมาถึงเขาข้อความมีเนื้อหาเป็นการท้าทายกาวินแมนโดยตรงผู้ท้าทายใช้นามปากกาที่เขาไม่รู้จัก “NEW HEAD”  ดังนั้นเขาไม่รอช้าเขาบุกเข้าไปยังโกดังแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่นัดหมาย กาวินแมนปรากฏตัวและใช้เวลาไม่นานก็ปราบลูกสมุนที่เฝ้าโกดังแห่งนั้นจนหมดสิ้น และจับพวกเดนสังคมคนหนึ่งขึ้นมา แล้วถามว่าใครคือNew head  แต่เจ้าเดนสังคมคนนั้นกลับเอาแต่บอกปัดปฏิเสธ มันบอกว่ามันไม่รู้ว่ากาวินแมนพูดเรื่องอะไร น่าแปลกที่สายตาของเจ้าเดนสังคมตัวนี้บ่งบอกว่ามันพูดความจริง
   ในขณะที่กาวินแมนกำลังคิดหาทางว่าจะเอายังไงต่อไปดี ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ไอ้หนุ่มคนที่อยู่ตรงกลางท่าทีกวนๆดูท่าเป็นหัวโจกประเดิมพูดขึ้นมาว่า

 NEW HEAD :  ฉันนี่ล่ะ New head ไอ้หมอนั่นมัน แค่เด็กเฝ้าโกดังของฉันมันไม่
                       รู้เรื่องอะไร ปล่อยมันไปเถิด สายตาของกาวินแมนจับจ้องไปที่
                       ชายหนุ่มเบื้องหน้า

NEW HEAD  : นี่กาวินแมน แกรู้รึป่าวว่าพวกHEROอย่างแกนี่ไม่ได้อยู่ในสายตา
                        พ่อของฉันเลยสักคน พวกแกอย่างมากก็เป็นได้แค่ตัวตลก และ
                       พวกเราเหล่าผู้บริหารองค์กรมักจะเอาเรื่องของพวกแกมาเล่า
                       หลังอาหาร คือ...เรื่องของพวกแกมัน...ช่วยให้อาหารย่อยดี
    
  
   กาวินแมน   :   พวกแกเป็นใคร

NEW HEAD :   พ่อของฉันเคยได้รับฉายาว่า หัวมังกร  แต่ตอนนี้หัวมังกรคือฉัน
  กาวินแมน   :  เกิดอะไรขึ้นกับTK
NEW HEAD :  พ่อของฉันครองบัลลังก์นานเกินไป ฉันก็แค่อยากให้เขาพักผ่อน
กาวินแมน   :  นายฆ่าเขา
NEWHEAD :  หึ... รู้ไหมตลอดหลายปีมานี้ ฉันเห็นด้วยกับสุนทรพจน์ของแก
                     อยู่ประโยคหนึ่ง ที่ว่าโลกนี้จำเป็นจะต้องมีHERO..  เพียงแต่
                     HEROนั้นมันต้องไม่ใช่แก นับจากนี้เป็นต้นไป แกจะถูกคน
                   ทั้งโลกลืมเลือน เหมือนกับ พวกเพื่อนๆยอดมนุษย์ของพวก
                   แก ถ้าแกสงสัย...คำตอบนั้นอยู่ข้างหลังแก

     กาวินแมนหันหลังไปจึงพบชายคนหนึ่งใส่ชุดคล้ายนินจาสิ่งที่เห็น
    ได้ชัดมีเพียงนัยตาสีม่วงเข้มของมัน  มันยืนอยู่ ห่างจากเขาพอสมควร
   แต่แล้วในพริบตา นินจาคนนั้นก็เข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าเขา กาวินแมนจึง
  ตอบโต้กลับด้วยการเหวี่ยงหมัดแต่นินจากลับหลบลงเบื้องล่างและปลด
  ดาบแทงที่ช่องท้องของกาวินแมน กวินแมนล้มลงด้วยความเจ็บปวด

 นินจาคนนั้นเดินหลบฉากออกไป แล้วNEWHEAD ก็เดินเข้ามา
 

NEW HEAD :  55555 แกมันแก่แล้ว กาวินแมนสมควรได้พัก วันนี้ฉันจะไม่ฆ่าแก
         แต่ถ้าเมื่อใดแกยังเสนอหน้ามาอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าคนที่แกรักทีล่ะคน 
        ใช่ฉันรู้ภายใต้หน้ากากแกเป็นใคร และรู้ ว่าใครคือคนที่แกห่วงใย
        ไม่ต้องตกใจไป เรื่องตัวจริงของแก พ่อฉันรู้มาตั้งนานแล้ว แต่เขา
           อยากได้ตัวแกมาร่วมงานเขาถึงไม่ได้ทำอะไร

          "แกแพ้มาหลายปีแล้ว กวินแมน"

     คำพูดของหัวมังกรคนใหม่ทำให้เขารู้สึกถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้
    รุ่นใหม่ ที่น่ากลัวยิ่ง เมื่อเจ้าหัวมังกรพูดจบมันก็พาพวกของมันจากพื้น
   ที่ไป ภายในใจของกวินแมนนักรบที่ต่อกรกับเหล่าร้ายมาหลายสิบปี
   ไม่มีศึกใดที่จะทำให้เขาสับสนได้ถึงเพียงนี้ ยังมีเจ้านินจานั่นมันเป็นใครกัน
    ความเร็วและดาบที่สามารถแทงทะลุเกราะของกาวินแมนได้ เหตุการณ์ใน
     วันนี้จะเป็นจุดเริ่มของศึกครั้งใหญ่ รึจะเป็นจุดจบของกวินแมน


เช้าวันรุ่งขึ้น

     โอดี  คือชื่อของชายผู้สวมชุดกาวินแมน หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บจาก
    การต่อสู้กับกลุ่มหัวมังกรเมื่อคืนก่อน เขาก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่พัก
   อาศัยของเขา เขานอนฟังวิทยุของตำรวจอยู่บนเตียงแต่ใจกลับหวนนึกถึง
  คำพูดและการต่อสู้ของเขาเมื่อคืนนี้ และ มันก็ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจ
  ยิ่งนัก ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูห้องเขาก็เปิดออก คนที่เข้ามา
 ก็คือมะลิเพื่อนสาวของเขา และ ลุงเคน ผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือเขาตลอด
 เวลาทั้งสองคนรู้ว่าโอดีคือกาวินแมน


เคน  :    โอดีเราสองคนขอเข้าไปได้ไหม
โอดี:     ครับ
มะลิ :  แผลเธอเป็นไงบ้าง
เคน   :    เมื่อคืนคงเจอมาหนักล่ะสิ
โอดี  :ไม่ต้องห่วงเรื่องแผลหรอกครับผมหายดีแล้ว เป็นอย่างนี้มาตลอด
เคน  : คงเป็นเพราะพลังปริศนาที่เธอได้รับมา แผลถึงหายเร็วแบบนี้
        แต่ฉันจะเตือนอะไรไว้อย่างนะ พลังที่เธอได้มาอย่างไม่รู้ที่มา มัน
       จะยังอยู่กับเธอไปได้อีกนานสักเท่าไรกัน ฉันว่าเธอต้องระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ

โอดี   :  ครับ
  
มะลิเห็นบรรยากาศเริ่มตรึงเครียด เธอเลยตัดบท และแสดงทีท่าร่าเริงออกไป
พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปถามโอดีว่า

มะลิ  :  นี่ๆวันนี้กินอะไรดีล่ะ ฉันจะทำให้นายเป็นพิเศษเลยนะ

โอดียิ้มให้แล้วตอบกลับไปว่า

โอดี :   ขอบใจนะ แต่เธอรู้ดีอยู่แล้วนิว่าฉันชอบอะไร

มะลิยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า

มะลิ   :  ตกลงตามนี้นะ
โอดี  :   อื้อ ฝากด้วยล่ะ
  
มะลิหัวเราะคิก คิก และคว้ามือลุงเคนออกไปจากห้อง
 ทุกอย่างดูมีความสุขแต่ทันทีที่ประตูห้องปิดลง คำพูดที่
New head ได้พูดกับเขาก็ได้เข้ามาตอกย้ำ โอดีมีสีหน้าที่
เคร่งเครียดเขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับคนที่เขารัก
 ในขณะครุ่นคิดอยู่เสียงรายงานจากวิทยุตำรวจก็ดังขึ้น
เนื้อหาในรายงานคือได้พบเบาะแสว่า กลุ่มมาเฟียสอง
กลุ่มกำลังจะปะทะกันครั้งใหญ่ และตำรวจกำลังจะไปที่
เกิดเหตุ.... โอดีได้แต่มองวิทยุเครื่องนั้นและกำลังจะตัด
สินใจในอะไรบางอย่าง....






                                     ตอนที่ 1PART2




     ณ.ห้องลับของตึกแห่งหนึ่งย่านชานเมือง เป็นที่ลับที่เหล่า
กลุ่มมาเฟียมักใช้เป็นเป็นสถานที่จัดชุมนุม และ ต่อรองเรื่อง
ผลประโยชน์กัน และในครั้งนี้ก็เช่นกันNEW HEAD หัวมังกรคน
ใหม่ได้นัดกับเจ้าพ่อ อีกสองคนเพื่อพูดคุยเรื่องข้อตกลง ห้องลับ
แห่งนี้เป็นห้องลับภายในอาคารสูงจึงมีพื้นที่ที่กว้างขวาง และมืด
แทบจะมองไม่เห็นอีกมุมหนึ่งของห้อง จุดที่สามารถมองเห็นได้ชัด
สุดคือตรงกลางห้องซึ่งเป็นที่วางโต๊ะประชุม เพราะเป็นที่เดียวที่มีแสง
ไฟเปิดอยู่ และเมื่อทุกคนนั่งลงบนโต๊ะยาวฝั่งหนึ่งมี ซาติน และซากุชิ
เจ้าพ่อฝั่งเขตตะวันตกทั้งคู่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันและสองคนนี้นั่งคู่กัน
 โดยมีลูกน้องสองคนที่เหมือนจะเป็น บอดี้การด  ของทั้งคู่ยืนคุ้มภัยอยู่
ทางด้านหลังของทั้งสอง

 ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือNEWHEAD ผู้ซึ่งได้รับการตราหน้าว่าเป็นผู้ที่สังหารบิดา
 เพื่อขึ้นครองบัลลังก์แห่งอำนาจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนที่เคยเคารพนับถือTK
หัวมังกรคนเก่าเกิดความไม่พอใจ และคิดที่จะแยกตัวไม่คบหาสมาคมกับกลุ่ม
มักกรอีกต่อไป ซาติน และ ซากุชิเองก็เช่นกัน New head มีเพียงลูกน้องคน
เดียวท่าทางไม่มีพิษสงอะไรตามมาด้วยคนหนึ่ง โดยยืนอยู่ข้างหลังของ New head


New head  : ที่ผมเรียกคุณทั้งสองคนมาก็เพราะว่า
      ซาติน   :     คงเรียกเรามาเพื่อจะถามถึงการที่เราไม่ส่งส่วยให้แกอย่างนั้นซินะ
New head  :    ถูกต้องครับ ผมอยากทราบว่าพวกคุณ .....
      ซาติน   :     ถ้าอยากรู้เราก็จะบอกนายให้ เพราะนายไม่ใช่TK แกปล้นตำแหน่ง
                        เขามา กลุ่มของเราไม่ยอมรับนาย
     ซากุชิ    :   ใช่  แค่รอให้TK ยอมมอบตำแหน่งให้นายเองนายยังทนรอไม่ได้ แล้ว
                      จะมาบริหารองกรได้ยังไง ถ้าเป็นนาย พวกเราขอไม่เล่นด้วย
New head   : คุณพ่อเคยพูดถึงคุณทั้งสองคนไว้ว่า พวกคุณเป็นคนที่ ถ้าตัดสินใจแล้ว
                   ก็จะไม่มีทางบังคับให้เปลี่ยนใจได้ง่ายๆ น่าเสียดาย ฝีมือพวกคุณจริงๆ
       ซาติน  :    เมื่อรู้แบบนั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรพวกเราจะกลับล่ะนะ
New head :     เดี๋ยวก่อนครับ


พูดจบnew head ก็ก้มลงและทำท่าเอื้อมมือไปหยิบของบางอย่างขึ้นมา เมื่อพวกซากุชิ
เห็นดังนั้น จึงเกิดอาการตกใจบอดี้การดของทั้งสองก็ทำท่าจะปลดปืนออกจากซอง


ตัดกลับมาที่มะลิ

     มะลิกำลังคนซอสสูตรเด็ดที่อยู่ในหม้อทรงสูง ซอสนี้จะสมบูรณ์ได้
    ก็ต่อเมื่อมันไปอยู่กับเส้นพาสต้า  เธอลองใช้ช้อนตักเพื่อลองชิมรส
   ของน้ำซอส ผลออกมาคือได้ผลลัพธ์ตามที่เธอคาดหวังไว้ จากนั้นเธอ
  จึงตักใส่จานสีขาวลักษณะแบนกว้างซึ่งมีเส้นพาสต้ารออยู่ก่อนแล้ว
   จากนั้นเธอจึงรีบ นำสิ่งที่เธอทำด้วยใจขึ้นไปส่งให้ถึงบนห้องของเพื่อน
  รักแต่พอมาถึง โอดีไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว


ตัดกลับมาที่New head

สิ่งที่New head หยิบขึ้นมานั้นกลับเป็นเพียงแค่กล้องถ่ายรูป

ซาติน       :  นายหยิบเอากล้องนั่นมาทำไม
New head :  เอาน่าแค่พูดคำว่า Cheeze ทุกอย่างก็จะออกมาดีเอง

ทั้งซาติน และ ซากุชิ ต่าง มึนงง ไปกับพฤติกรรมของNew head
แต่ทันทีที่แสงแฟรช กระทบลงบนใบหน้าของทั้งสอง กลับมีวัตถุ
ปริศนา พุ่งออกมาจากมุมมืด จากทางด้านหลัง มันคือสายโซ่นั่นเอง
 และตอนนี้มันกำลังพันตัวของซาตินติดกับเบาะเก้าอี้ล้อเลื่อนที่เขานั่งอยู่
ซาตินถูกสายโซ่นั่นลากเข้าไปในมุมมืด บอดี้การด เห็นแบบนั้นจึงคิดที่จะ
ยิงเข้าไปในมุมมืด แต่ซากุชิห้ามไว้เพราะเดี๋ยวซาตินจะโดนลูกหลง

      New head ยื่นกล้องถ่ายรูปส่งให้ลูกสมุนคนหนึ่ง แล้วกำลังเดินออก
จากห้องไป แต่ซากุชิหันหน้ามาตะโกนใส่New head ว่า

“ เป็นฝีมือแก่ใช่ไหม”

 แต่ New head กลับไม่ตอบอะไรและเดินออกจากห้องไป  แต่เมื่อซากุชิจะ
หันกลับมา รู้ตัวอีกทีเขาก็โดนสายโซ่ที่คราวนี้ติดใบมีดพุ่งแทงเข้าไปที่ฝ่ามือ
ข้างขวา และโดนกระชากอย่างแรงทำให้ซากุชิล้มลงและกำลังจะโดนลากเข้า
ไปยังมุมมืด พอถึงคราวเป็นคราวตายของตัวอง ซากุชิกลับตะโกนสั่งลูกน้องว่า

“ ยิงมัน ยิงเข้าไปเลย”

 เมื่อลูกน้องกลาดกระสุนยิงเข้าไปในมุมมืดสายโซที่กำลังดึงซากุชิก็หยุดลง
และมีคนๆหนึ่งกำลังเดินออกมาจากความมืด และล้มลงตรงหน้าซากุชิซึ่งชาย
คนนั้นก็คือ ซาตินนั่นเอง เพียงแต่เขาโดนผ้าสีดำปิดปากเอาไว้

     ซากุชิที่ตอนนี้นอนกองอยูกับพื้น หายใจเร็วถี่ มือข้างหนึ่งถูกตรึงไปกับใบ
มีดที่ติดกับสายโซ ลูกน้องเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีออกจากพื้นที่ แต่ก็โดนเหล็ก
แหลมพุ่งออกมาจากความมืดแทงเข้าที่กลางหลังในขณะที่วิ่งอยู่ ทั้งสองจึงล้มลง
เสียชีวิตทันที ซากุชิเห็นแบบนั้นก็ยิ่งได้แต่ตอกย้ำความกลัวของตัวเอง พูดได้เพียงแต่

 “ แกเป็นใครกันแน่”

สิ้นเสียงคำพูดก็มีชายอีกคนเดินออกมาจากมุมมืด ชายคนนั้นมีนัยตาสีม่วง และแต่งตัว
 คล้ายพวกนินจา เขาคือBLCK JACK นักรบปริศนาที่เคยต่อกรกับกาวินแมนในครั้งนั้น
 และนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ซากุชิหนึ่งในสองเจ้าแห่งพ่อเขตตะวันตกได้เห็น

      มะลินำสิ่งที่เธอทำด้วยใจขึ้นมาให้ โอดี แต่กลับพบว่าเขาไม่อยู่บนห้องแล้ว
 เธอถึงกับออกอาการเซ็ง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โอดีหนีเธอไปแบบนี้
เธอหันหลังกลับเพื่อที่จะเอาจานนี้ไปแช่ไว้ในตู้เย็นก่อน แต่เธอก็ต้องชนกับ
ร่างของชายคนหนึ่งเขาคือโอดีนั่นเอง

มะลิ : โอดี! นายหายไปไหนมา
โอดี : ฉันออกไปซื้อผักมา กะว่า คืนนี้เราจะทำสุกี้ทานกัน
มะลิ : ฉันคิดว่านาย.....

 ทั้งสองคนมองตากันโดยที่ไม่พูดอะไร ไปพักหนึ่ง
 จนกระทั่งมะลิยิ้มและตัดบทด้วยการพูดขึ้นว่า

มะลิ :  ได้ซิ แต่ฉันว่าตอนนี้นายทาน จานนี้ให้หมดก่อน แล้วเย็นนี้เรามาทำสุกี้กัน
โอดี :  อื้อ.....

ณ. ฐานลับของกลุ่มมังกร New head นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา และกำลังวาด
ฝันถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ ที่จะไม่มีใครมาคัดขวางเขาได้ ในขณะที่เขากำลังเพลิด
เพลินและมีความสุขกับความคิดของเขาอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาคือ
Black jack การเข้ามาของเขาทำให้ New head หลุดออกมาจากภวังค์ความคิด

New head   :   ทุกอย่างเรียบร้อยไหม
Black jack  :   ทุกอย่างเรียบร้อย มันเป็นไปในแบบที่คุณต้องการ
New head  :    ฉันตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกนาย เอาล่ะนายไปพักได้ และรอคำสั่งต่อไป

สิ้นเสียงของ New head   Black jack ก็หันหลังเดินกลับไป แต่เขาเดินไปแค่เพียง
สามเก้าเท่านั้นเขาก็หันกลับมาพูดกับ New head ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูจริงจังว่า

 “ ที่ผมทำทุกอย่างที่คุณสั่ง ก็เพราะเชื่อว่าคุณจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผม”

Black jack และ New head ต่างจ้องตากัน และรับรู้ได้ถึงความน่ายำเกรงของอีก
ฝ่ายได้อย่างถ่องแท้ และ Black Jack ก็เดินออกจากห้องนั้นไป

( ลิ้งพื่อเข้าไปดูความน่ารักสดใส ของน้องนิว ต้น แบบของมะลิ )
http://www.google.co.th/url?sa=t&source=web&cd=1&ved=0CBcQtwIwAA&url=http%3A%2F%2Fwww.youtube.com%2Fwatch%3Fv%3D94KUHRT5XHw&ei=dSIjTYq2HofOrQf0utXwCw&usg=AFQjCNH52a8jYALEBwn7SrFVkJMWbBB6dg&sig2=feZXESPG-SR1Vkkme8Ca5w
 ตอนที่ 2PART 1

    ในสวนสาธารณะยามค่ำคืน มะลิ และเคน กำลังฝึกหนักให้กับโอดีอยู่ เนื่องจากในครั้งนั้นโอดี ได้พ่ายแพ้ให้กับ ความรวดเร็วของ Black jack ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะฝึกประสาทสัมผัสของเขา โดยการ ใช้ผ้าปิดตาไว้ และให้ เคน และ มะลิ เป็น คนคว้างลูก ซอฟบอลไปให้สุดแรงโดยเล็งไปตามส่วนต่างๆของร่างกายของโอดี ทั้งสามคนฝึกมาเป็นคืนที่สามแล้ว ถึงคืนแรกโอดีจะรับได้บ้างไม่ได้บ้าง คืนที่สองรับได้98ใน100ลูก และคืนนี้เขารับบอลได้ 200 ลูก ใน 200 ลูก และตอนนี้ก็มาถึงบททดสอบสุดท้าย โอดีจะต้องรับลูกบอลจาก เคนและ มะลิ พร้อมกัน
   มะลิรวบรวมแรงทั้งหมดจากที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้ ลุงเคนเคยเป็นนักกีฬาแข่งเรือพายมาก่อนกำลังของเขายังไม่ตกจากตอนหนุ่มๆ ทั้งสองคว้างลูกซอฟบอลไปอย่างสุดแรงเกิด โอดีเองก็ฝึกมาจนรับรู้ถึงเสียงลูกบอลที่แหวกอากาศ และเขามักจะรู้สึกเนื้อกระตุกรึเสียววาบทุกครั้งจากร่างกายบริเวณที่ในอนาคตอาจจะโดนลูกซอฟบอลคว้างเข้าใส่ มันคงเป็นสัญชาตญาณที่ถูกปลุกขึ้นมาระหว่างการฝึก
   และผลที่ออกมาคือโอดีรับได้ทุกลูก ทั้งเคนและมะลิต่างดีอกดีใจ ที่โอดีฝึกสำเร็จ โดยเฉพาะมะลิ ดูเธอดีอกดีใจจนกระโดดโลดเต้น จนกระทั่งเธอเห็นโอดีแกะผ้าปิดตาออก สีหน้าของโอดีไม่ต่างอะไรจากตอนที่เราเริ่มฝึกวันแรกเหมือนเขายังไม่พอใจกับผลของการฝึกเท่าไร
    มะลิ  :  อะไรกันนี่เธอไม่ดีใจเลยรึไง นายฝึกสำเร็จแล้วนะ
     โอดี : ยัง...มันยังไม่พอ
    เคน : ดูท่าคู่ปรับของนายจะไม่ธรรมดาเลยซินะ

ทั้งสามคนกลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง...

    เช้าวันรุ่งขึ้น “ สายแล้ว..! ” เป็นคำที่ก้องอยู่ในหัวตลอดทั้งเช้านี้ “ไปไม่ทันแน่...! ”   นั่นคือคำที่สองของมะลิ เธอวิ่งสุดชีวิตเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทัน เพราะเธอฝึกให้กับโอดีเมื่อคืนเธอจึงนอนไม่พอจนทำให้เธอตื่นสายและนั่นมันคือข้ออ้างในวันนี้ของเธอ เธอเบื่อกิจวัตรของเธอที่จะต้องวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปเข้าเรียนให้ทัน แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ไอการตื่นนอนตอนเช้า นี่มันเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็นรองลงมาจากการทำเกรดเฉลี่ยให้ได้เกรดสามขึ้นไปทุกเทอมของเธอ
    
     การที่วิ่งสุดชีวิตเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทันนั้น  เธอเองก็พอที่จะหาคำเข้าข้างตัวเองได้บ้างเช่น เฮ้ย.ไอการวิ่งแบบนี้มันก็ไม่เลวนะได้เหงื่อเป็นการออกกำลังกายก่อนเข้าเรียนสมองจะได้ปลอดโปร่งร่างกายก็จะได้แข็งแรงกันตั้งแต่เนิ่นๆ แถมยังได้ลุ้นอีกด้วยว่าจะเข้าทันไม่ทัน โอ้!สนุกจะตาย  ซึ่งเธอก็หาข้ออ้างให้ตัวเธอเองได้ทุกเช้า แต่ไอการที่เธอต้องวิ่งผ่านชาวบ้านชาวช่องผ่านผู้คนตามตรอกซอกซอยที่ต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกๆทุกเช้า และเธอก็รู้...ว่านั่นเป็นเพราะชุดนักเรียนหญิงที่เธอใส่อยู่มันถูกออกแบบมาอย่างกะชุดเซเล่อมูน และนั่นล่ะที่เธอรับไม่ได้ เธอไม่ได้อยากเข้ามาเรียนไอโรงเรียนคุณหนูไฮโซแบบนี้เลย โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเอกชนซึ่งมีชุดนักศึกษาเป็นของ ตัวเอง และยังมีระเบียบที่เคร่งครัด แต่ทำไงได้ล่ะ เธอโดนลุงเคนบังคับ ทั้งๆที่บ้านของเราแค่พอมีพอกินแท้ๆ และลุงเคนก็มักจะอ้างว่าที่เขาทำไปทั้งหมดมันเป็นคำสั่งเสียของพ่อแม่...   “อ่ะๆ  ถึงแล้วๆ ”   เธอวิ่งขึ้นบันไดอาคารเรียนอย่างรวดเร็ว วันนี้วันจันทร์ เธอมีเรียนที่ห้อง QS 4001 วิ่งๆ วิ่งๆใกล้ถึงแล้ว เห็นแล้ว! นั่นไงประตูห้องที่คุ้นตา เสียง! เสียง อาจารประจำวิชา
   
   เธอกระโดดเหยียดเท้าสุดแรงเกิดเพื่อไปให้ถึงห้องเรียน ไปให้เร็วกว่าปกติสัก3วินาทีก็ยังดี ตึ้ง.!..เสียงเท้าของเธอที่สามารถเหยียบพื้นห้องไปพร้อมกับการทำลายสถิติใหม่ เธอก้มหน้าหลับตาหอบแฮกๆเธอเผลอคิดแว่บหนึ่งบนหัวว่าผลจากการที่เธอไม่ได้ส่องกระจกตอนเช้ามันทำให้เธอมาเรียนเร็วขึ้น หกวินาที ความจริงเธอเป็นสาวที่เรียบร้อยแต่พอจะถึงตอนเช้าเวลาที่จะมาเรียนให้ทัน ไอสิ่งที่เหมือนจะไม่ใช่ตัวเธอก็มาเข้าสิง ไม่รู้ชาติที่แล้วเธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับนักกรีฑา.....
 
     เมื่อเธอพอที่จะหายเหนื่อยขึ้นมาบ้าง เธอเงยหน้าขึ้นลืมตาและทำอีกหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเธอ นั่นก็คือการขอโทษ อ.ประจำวิชาที่เธอมาสาย แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นก็คือเด็กนักเรียนชายแปลกหน้า หน้าตาคมเข้มยืนอยู่หน้าชั้นเรียนกับ  อ.ที่เหมือนจะเพิ่งพูดอะไรเสร็จไป และเพื่อนทั้งห้องที่ไม่ได้สนใจสถิติหกวิของเธอเลย...ทุกคนสนใจแต่เด็กนักเรียนชายแปลกหน้า ที่ตอนนี้กำลังเดินไปนั่งหลังห้อง รึว่าเขาจะเป็นนักเรียนใหม่? แต่ช่างมันตอนนี้คงเป็นโอกาสแล้วที่เธอจะตีเนียน ไปนั่งที่ของเธอ...
 “ เย่..ดูท่าวันนี้ดวงเราจะเฮง หุหุหุ ”

      เธอตีเนียนมานั่งที่โต๊ะเรียนของเธอ ซึ่งเธอได้นั่งโต๊ะติดกันกับเพื่อนสนิทของเธอนั่นก็คือ วิณารัตน์ ที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย สายตาของวิณารัตน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จ้องมองไปเพียงที่เดียวนั่นก็คือ เจ้าเด็กแปลกหน้าคนนั้น มะลิเองก็เป็นมนุษย์ จึงมีความอยากรู้อยากเห็น จึงกระซิบถามออกไปว่า

  มะลิ :  นี่ๆ วิๆ คนนั้นใครอ่ะ
       วิ: อ่าวมะลิ มาตั้งแต่เมื่อไหล่
  มะลิ :  เออ...น่ะ
  วิ    : คนนั้นน่ะชื่อ ปกร เขาเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนใหม่ หล่อใช่ไหมล่ะ
           ดูซิหน้าตาคมเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีแทน โหย..ผู้ชายในฝัน
 มะลิ : จ้าๆ
     วิ : นี่ไม่ต้องมาทำเป็นไม่สนใจเลยนะย่ะ
 มะลิ : แล้ว..ทำไม.....ทำไม...ต้องเม้ง...ด้วยอ่ะ
  วิ     : ก็เวลาฉันดูละครนะ ใครที่ทำเป็นไม่สนใจก็จะได้คาบไปกินทุกที
มะลิ  : โทษทีฉันไม่ชอบดูละคร
     วิ : แหมๆ ใช่ซิ ก็เธอมีพี่โอดีอยู่แล้วนี่  ฉันไม่เข้าใจแกเลยนะ อีตานาย
          โอดีนี่แก่รุ่นพ่อเราแล้วนะทำไมเธอถึงเล่นกันอย่างกะอายุห่างกัน
          แค่ปีสองปี คุยอย่างกะเพื่อนรุ่นเดียวกัน...นี่เห็นว่าพี่แกหน้าตาดีอยู่
           หรอกนะฉันถึงให้อภัย

มะลิ :  ไม่ใช่นะฉันกับพี่โอดีเราแค่...
     วิ : โอ้ย....อย่ามาแย่งพี่ปกรของฉันก็แล้วกันล่ะ นี่ฉันไว้ใจแกนะ
         
แล้ววิก็หันไปมองชายหนุ่มที่เธอหมายปองต่อ ทำให้มะลิไม่มีโอกาส
บอกในสิ่งที่เพื่อนกำลังเข้าใจผิดอยู่ เธอจึงทำได้แต่ ตอบตัวเธอเองในใจ

“ โอดีนะเขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว...ใช่ไหมค่ะ...พี่ริน..... ”

4 ชั่วโมงผ่านไป
“ในการศึกษาทางจิตวิทยา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรม
ต่าง ๆ ของมนุษย์ ซึ่งการที่มนุษย์จะแสดงพฤติกรรมใด ๆ ออกมานั้นเป็นเพราะ
ระบบการทำงานของร่างกาย ไม่ว่านักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้ทำการ
ศึกษาค้นคว้ามาเป็นระยะเวลายาวนานต่างมีความคิดเห็นตรงกันว่าร่างกายมนุษย์
สัตว์ หรือพืช”

  นั่นคือสิ่งที่ อ.ประจำวิชาจิตวิทยากำลังสอนอยู่ แต่เนื่องจากที่มะลิต้องรีบมา
โรงเรียนแต่เช้าทำให้เธอไม่ได้ปล่อยของเหลวบางอย่างออกจากร่างกายผลก็คือ
เธอต้องอั้นมันไว้ตลอดสี่ถึงห้าชั่วโมงมาแล้ว เธอไม่อยากจะขอลา อ.ไปเข้าห้องน้ำ
เพราะ อ.ประจำวิชาจิตวิทยาคนนี้แกค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่

      “ เอาล่ะวันนี้เราเรียนกันเพียงเท่านี้ อย่าลืมไปหาข้อมูลที่อาจารย์สั่งมานะ”

    นั่นคือประโยคที่ไพเราะที่สุดของอาจารย์ตลอดภาคเรียนนี้เลย เหลือเพียงแค่
ยัยหัวหน้าห้องจอมหยิ่งชิตชินกพูดประโยคนำ ให้พวกเรายืนขึ้นและทำความเคารพ
อาจารย์ผู้สอน

      “ นักเรียนทำความเคารพ.... ขอบคุณครับ/ค่ะ อาจารย์”

      สำเร็จ เหลือเพียงแค่เราวิ่งไปเข้าห้องน้ำซึ่งก็แค่ลงบันไดไปชั้นเดียว !

มันต้องทัน.....!
เราต้องไปทันแน่!

 อาจารย์   :  นี่ปกรในฐานะเธอเป็นนักเรียนใหม่ เธอช่วยอาจารย์ยกของลง
                  ไปไว้ที่ห้องพักครูข้างล่างให้หน่อยซิ.. เอาไปไว้ในห้องที่อยู่
                   ตรงข้ามกับห้องน้ำหญิงนะ ลงไปชั้นเดียวเอง
        ปกร : ครับ
หัวหน้าห้อง: นี่พวกเราทุกคนอย่าเพิ่งไปไหน ชั้นมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ
       มะลิ  : ไม่ไหวแล้วโว้ย.....(ตะโกนในใจ...แต่อาจจะออกมาทางสีหน้าบ้าง..)กูมี

     เธอวิ่งแบบไม่สนใจใคร ลงบันไดผ่าน ปกรที่กำลังแบกเอกสารให้กับอาจารย์อย่าง
ไม่ใยดี วิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยท่าทีสุดแสนจะไวว่อง...ปิดประตูห้องน้ำดัง..ปั้ง…!
 เปิดก๊อกน้ำทองเหลืองให้มีเสียงดังที่สุด ! หลังจากนั้นความสุขก็มาเยือน....

   หลังจากที่เธอสบายตัวแล้ว เธอก็ออกมาจากห้องน้ำเดินขึ้นบันได เธอสังเกต
เห็นปกรเดินขึ้นบันไดนำหน้าเธออยู่..แต่เมื่อเธอเดินขึ้นบันไดมาจนเกือบครึ่งทาง
เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับเธอ สายห้อยโทรศัพท์มือถือที่เธอแขวนอยู่ที่คอ
ของเธอดันขาด โทรศัพท์มือถือเครื่องสีชมพู ลายดอกไม้ ของเธอกระแทกหัวบัน
ไดหนึ่งที และกระเด้งขึ้นมาอีกครั้ง และกำลังจะตกลงไปข้างล่าง โดยสัญชาตญาณ
เธอเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ของเธอไว้ได้ทันก่อนที่มันจะตกลงไป

แต่เอ๋ .....รู้ตัวอีกทีทุกส่วนของตัวเธอก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศแล้ว ทำไงดีๆ ต้อง
ตกลงไปแน่ๆคว้าราวบันไดไม่ถึง!.. ตกลงไปแล้ว.... ตกลงไปจะเป็นยังไงคอชั้นจะหัก
ไหมนี่  มะลิหลับตาปี๋และไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของแรงโน้มถ่วง

ตกลงมาแล้ว! รู้สึกได้ว่าถึงพื้นแล้ว  นิเราเป็นไรไหม เป็นอะไรรึป่าวนี่ แขน..แขนฉันหักไหม

 เอ๋....พื้นนิ่มๆ มะลิค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่เธอเห็นก็คือ ความสูงของชั้นบันไดที่เธอตกลงมา

  “นี่เธอ...เป็นอะไรรึเปล่า”

 เอ๋... เสียงใคร  เมื่อเธอได้สติและได้สัมผัสกลับมาครบถ้วน เธอจึงพบว่าตอนนี้เธอกำลังนอน
ทับร่างของชายหนุ่มอยู่!   เมื่อมองดีๆแล้วเขาคือปกรนั่นเอง

 มะลิ :  ว้าย....ขอโทดนะ...หูย...นายเป็นอะไรรึเปล่า
ปกร : ชั้นไม่เป็นไร ว่าแต่เธอไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม
มะลิ : อืม....ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ว่าแต่...เมื่อกี้ฉันเห็น
นายขึ้นไปจนเกือบจะถึงชั้น.......บ
ปกร : เธอช่วยลุกจากตัวฉันก่อนได้ไหม

    กรี้ด.!!!!!....เสียงกรี้ดที่ฟังแล้วสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดใจของ
ผู้ที่เปล่งมันออกมาเมื่อมะลิหันกลับไปตามเสียงกรี้ด..ที่คุ้นหูนั้น ก็พบว่า
มันมาจากนางสาววิณารัตน์เพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง และยังมีสายตา

อันตกตะลึงของเพื่อนร่วมชั้นอีก32ชีวิตเป็นBackground



     กลับมาแล้วคร้าบ.... เสียงของโอดีที่ตะโกนเป็นสัญญาณ ทุกครั้งเมื่อเขา
กลับถึงบ้านวันนี้เขาใส่สูทผูกไทด์ออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปตระเวน หางานทำ
เป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้าใช้ชีวิต เป็นผู้ผดุงความยุติธรรมมาเกือบครึ่งชีวิต ต่อจาก
นี้ไปเขาจะออกหางานทำเพื่อทำชีวิตครอบครัวให้มีความสุข แต่ว่าวันนี้เขาตระเวนมา
จนทั่ว ก็ยังไม่มีบริษัทไหนเลยที่พร้อมจะรับพนักงานบัญชี อายุ30กว่าเฉียด40เลยสักที่

    เขาถอดรองเท้าออกและจัดวางมันอย่างเป็นระเบียบ.. และเดินเข้ามานั่งพักด้วยอาการ
อิดโรย เขาเหลือบมองเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ จึงหยิบมันขึ้นมาอ่านเพื่อหวังจะ
ดูข้อมูลในหน้านิยมของคนว่างงานแต่แล้วเขาก็ต้องตะลึงในรูปและหัวพาดข่าวหนังสือพิมพ์
เมื่อเขาลองอ่านเนื้อหาดู ก็ยิ่งมึนงงในสิ่งที่เขาได้รับรู้ เนื้อหามีอยู่ว่า

   บุรุษ ลึกลับทลายแก็งมาเฟียจับตายดับอนาถสองเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งเขตตะวันตก
 บุรุษลึกลับแต่งตัวคล้ายนินจาจัดการทลายรังลับก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง แต่เหตุ
การณ์ทั้งหมดถูกช่างภาพมือสมัคเล่นใจกล้าแอบลักลอบเข้ารังลับถ่ายเอาไว้ได้หมด
 และตัวช่างภาพเอง อ้างว่า ได้ยินอีกฝ่ายเรียกบุรุษนินจาว่าBlack jack  และตัวของเขา
เชื่อว่าบุรุษผู้นี้คือHERO คนใหม่ของเมืองเรา...ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ขอ
ออกความเห็นใดๆ

โอดี : “ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ”



 








ตอนที่2 PART 2




 .
       ในคืนวันเดียวกันนั้นเอง มะลิโทรศัพท์คุยกับวิเพื่อเครียเรื่องที่เพื่อนๆในชั้นเรียนเห็นเธอ
นอนกอดกับปกรอยู่ ซึ่งจริงๆแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน แต่วิอยู่ในช่วงหน้ามืด
 ถึงมันยอมเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่มันดันอิจฉาที่มะลิมีโอกาสได้ใกล้ชิดแบบถึงเนื้อ
ถึงตัวมากกว่าตัวมันเอง เธอไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ปล่อยให้ไฟริษยาในทรวงอกของเพื่อนรัก
มันดับลงไปเอง.... หลังจากเธอคุยโทรศัพท์กับวิเสร็จเธอก็ลงมาชั้นล่างของบ้าน ก็ได้เห็นทั้ง
ลุงเคนและโอดีกำลังจ้องทีวีหน้าตาเคร่งเครียด มะลิจึงมองตามบ้าง ก็พบว่าข่าวในทีวีมีข่าว
เกี่ยวกับHERO คนใหม่ที่ปราบ กลุ่มอาชยากรใหญ่ๆมาแล้วหลายราย

มะลิ : เอ๋....มีHero คนใหม่ปรากฏ ตัวรึนี่
โอดี : เปล่าหรอก ไม่ใช่แน่
มะลิ : นายรู้จักเค้ารึไง
เคน : ก็เพราะไอหมอนี่ไงล่ะ ที่เราต้องฝึกให้เจ้าโอดีมันทุกคืน
โอดี : มันเป็นคนของ New head
มะลิ :  เอ๋....
เคน : ฉันตรวจสอบมาแล้ว...กลุ่มอาชยากรที่เจ้าBlack jack มันจัดการมีแต่กลุ่มคู่อริกับ
          New head ทั้งนั้น
มะลิ : แต่เรื่องแบบนั้นพวกตำรวจแล้วก็พวกนักหนังสือพิมพ์ต้องรู้สิ
เคน : เคยได้ยินคำว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างไหม
โอดี: เห็นทีเราต้องฝึกให้หนักขึ้นแล้วล่ะครับ ไม่ว่าผลของการฝึก
จะออกมาเป็นยังไงรึว่าจะได้ใช้ในการต่อสู้รึเปล่า แต่ฝึกเอาไว้ก่อน
ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด

เคน : อื้ม ....ถูกต้องแล้วล่ะ มะลิไปเตรียมของ เราจะไปฝึกกัน
มะลิ : ค่ะ

      ในขณะที่มะลิวิ่งจะไปเตรียมของ เสียงโทรศัพท์ที่เธอวางไว้บนห้องก็ดังขึ้น
 ส่งเสียงมาถึงชั้นล่าง เธอจึงต้องวิ่งขึ้นข้างบนเพื่อไปรับโทรศัพท์ซึ่งอยู่ในห้อง
ของเธอ เมื่อเธอถึงห้องและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนโทรมาปรากฏว่าเป็น
วิโทรมา

มะลิ    : ไง หาย..งอนฉันแล้วรึไงถึงโทรมาอ่ะ
       วิ : เออนะไอเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน....ตอนนี้เพื่อนๆในห้องเขา จัดเลี้ยงรับเพื่อนใหม่
ที่ร้านครัวคุณย่า มันออกจะกะทันหันไปหน่อยแต่แกจะมาไหมเออๆแกไม่ต้องกลัวเรื่อง
ที่เพื่อนๆเข้าใจผิดนะ เดี๋ยวฉันกับปกรจะอธิบายเรื่องอุบัติเหตุให้เพื่อนๆฟังเอง

มะลิ : โทษทีๆ แต่ฉันมีธุระต้องทำ ขอให้พวกแกสนุกแล้วกัน
       วิ : ตามใจ....แต่ฉันนะสนุกอยู่แล้ว หุหุหุ ปกร ค่ะ ปกรขา....
   มะลิ : 5555 เออๆ แค่นี้นะ

     แล้วมะลิก็วางสายไป ความจริงเธอเองก็อยากสนุกกับ เพื่อนๆ แต่การช่วยโอดีสำคัญกว่า
 ว่าแต่พูดถึงเรื่องนี้เธอก็คิดบางอย่างขึ้นได้ ทำไมช่วงนี้โอดีถึงอยู่ติดบ้านเห็นแต่ก่อนจะต้อง
ออกตระเวนราตรี และ ไหนจะการหางานทำอีก...เอาไว้ถามเจ้าตัวก็คงรู้..


      แล้วทั้งสามก็มาถึงที่สวนสาธารณะ กลางดึกเหมือนดังเช่นทุกคืน
 มะลิถือถุงผ้าที่ข้างในมีลูกซอฟบอลและอุปกรณ์การฝึกอยู่เต็มไปหมด
ลุงเคนแบกพวกอุปกรณ์หนัก  ส่วนโอดีแบกกระสอบทราย... เมื่อแบกของ
มาถึงยังสถานที่ประจำ และจัดเตรียมของเสร็จแล้วทุกคนก็เริ่มฝึกทันที


    ณ. ฐานลับของกลุ่มมังกร New head กำลังยืนอ่านหนังสือพิมพ์ พร้อมกับ
หัวเราะคิกคักชอบใจไปกับกระแสHEROคนใหม่ ทุกอย่างเป็นแผนของเขา และ
เหมือนมันจะเป็นไปได้ด้วยดีทีเดียว

 “ ซื้อกล้องถ่ายรูปครั้งนี้ มันคุ้มจริงๆ ใครจะเป็นรายต่อไปดีนะ”

พูดจบ new head ก็มองไปที่ฝาผนังที่ติดรูปของ เหล่าคนมีชื่อเสียงทางการเมื่อง
และเหล่าเจ้าพ่อรายใหญ่ แต่มีรูปบางคนที่ถูกปากกาสีแดงคาดไปแล้ว และผู้ที่โดน
ปากกาสีแดงคาดล้วนสิ้นชีวิตแล้วทุกคน

" จะเอาใครดีนะ เราจะให้ใครตายก่อนดี อิอิอิ อืม....ตัดสินใจยากจังแหะ อ่อ!..เรามีวิธีนี้อยู่ "

New head หยิบลูกดอกที่ใช้ในการเล่นปาเป้าขึ้นมา หันหลังให้ผนังและปาลูกดอกทั้งๆ
ที่หันหลังแบบนั้น ลูกดอกพุ่งด้วยความเร็วและปักกางหัวของรูปคนๆหนึ่ง New head
หันกลับมาดู

" เห๋....คนนี้เลยเหลอ มันจะเร็วไปรึป่าวนะ....แต่ก็น่าสนุกดี ครั้งนี้เราไปดูด้วยดีกว่า "

    หลายชั่วโมงผ่านไป

    กลับมาที่การฝึกของ โอดีกันต่อ โอดีที่ปิดตาพร้อมฝึก ถึงเขาจะฝึกติดต่อกันมาสี่ชั่วโมงแล้วแต่เขายังไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด เพียงแต่ มะลิและเคนเป็นเพียงคนธรรมดาออกแรงติดต่อกันมาหลายชั่วโมงก็มีอาการหมดแรงเป็นธรรมดา

“นี่พวกเธอมาทำอะไรกันดึกดื่นที่นี่อ่ะ”
เป็นเสียงผู้หญิงที่คุ้นหูนัก เมื่อมะลิหันไปตามเสียง ก็พบว่าเจ้าของเสียงคือวินั่นเอง เธอเดินมากับปกร มะลิรีบวิ่งไปหาเพื่อนทันที

  มะลิ : อ่าว.....วิกินเลี้ยงกันเสร็จแล้วเหลอ... ปกรโทษทีนะชั้นติดธุระเลยไม่ได้ไป ว่าแต่...ทำไมเหลือเธอกันแค่สองคนล่ะ
      วิ : ก็เธอไม่ไปด้วย ขากลับฉันเลยต้องกลับคนเดียว แถมยังต้องผ่านไอสวนสาธารณะนี่อีกฉันเลยรบกวนให้ปกรเขามาส่ง
 มะลิ : อ๋อ.......( แบบรู้ทันเพื่อน )
      วิ : (อะไรย่ะ....สายตารู้ทันแบบนั้น).......ว่าแต่พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่ดึกๆดื่นๆ
  มะลิ : อืม......อา....คือ...(จะโกหกไปว่าอะไรดีล่ะนี่)
ปกร : ซ้อมมวย...ซินะครับ
มะลิ : เอ๋......
ปกร : ก็ผมเห็นกระสอบทราย
มะลิ : อ๋อ.....ช้ายยยย.......ใช่ๆ ซ้อมมวย คือพี่ โอดีแกจะลงแข่งชกมวย
วิ : อายุปูนนี้แล้วเนี่ยนะ(กระซิบ)
ปกร : ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ล่ะก็ผมพอช่วยได้นะครับ

แล้วปกรก็ไม่พูดไม่จาเดินดุ่มๆเข้าไปในวงของลุงเคนและโอดีที่ปิดตาอยู่ ปกรพงกหัวเป็นการแสดงความเคารพลุงเคน แล้วก็หันมาพูดกับโอดีทันที

ปกร : จากเท่าที่ผมสังเกตุ คุณกำลังฝึกประสาทการรับรู้ คุณจึงต้องปิดตา แต่การต่อสู้จริงๆคู่ต่อสู้จะไม่พุ่งอาวุธมาเป็นทางตรง เหมือนเช่นลูก
          ซอฟบอลที่ลุงคนนั้น ถืออยู่ในมือ
โอดี : คุณคือ
ปกร : ผมคือคู่ต่อสู้ของคุณ  ต่อจากนี้ไปคุณต้องจินตนาการ ให้ได้ว่าทุกสิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้ คือสิ่งที่คู่ต่อสู้รึคนที่คุณอยากจะเอาชนะทำกับ
         คุณ

เคนเห็นการกระทำของปกรเคนถึงกับ งง วิ่งโล่ไปหามะลิ และถามว่า

 เคน : ไอหนุ่มนั้นมันเป็นใคร
    วิ : สวัสดีค่ะลุงเคน
มะลิ : คือๆ เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของหนูเอง
 เคน: แล้วนั่นมันจะทำอะไร?
มะลิ/วิ : ม้าย....รู้เหมือนกันค่ะ...???????????????????? + ???????????????????




       ยามที่เราปิดตาทุกอย่างมันมืดสนิท ผลจากการฝึกทำให้เราสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่มุ่งร้ายต่อเราและสามารถตอบโต้ได้ทัน
ดังเช่นตอนนี้ เสียงที่แหวกอากาศด้วยความรวดเร็วและพุ่งตรงมาทางนี้

“มาทางศรีษะด้านขวาซินะ”  ปึ้ก!!!!......
 “เรารับได้ อ่ะ!!!! อะไรกันมาอีกด้านหนึ่ง ไม่ซิลงล่าง” ตุ้บ!!!!
 "อะไรกัน...เราโดนต่อยบริเวณลิ้นปี่  ทำไมกัน !!!!!"

     มะลิ เคน วิ ตะลึงกับภาพที่ได้เห็นเมื่อสักครู่ที่เพิ่งผ่านไปเริ่มจาก ปกรที่ไม่พูดไม่จาอยู่ๆก็เดินเข้าไปเตะที่ศรีษะด้านขวาของโอดีแต่โอดีรับได้ทันจากนั้นปกร ตามด้วยหมัด เหวี่ยงไปทางศรีษะด้านซ้าย โอดีตั้งกาดรับแต่ปกรพลิกแพลง เปลี่ยนเป็นจู่โจมเข้าที่บริเวณลิ้นปี่ของโอดีแทนซึ่งนั้นก็ได้ผลการจู่โจมของปกรทำให้โอดีที่มีรูปร่างใหญ่กว่าถอยหลังไปตั้งถึงสามก้าว

 มะลิ : นี่ปกรนายจะบ้ารึไง ทำไมนายถึง.....
โอดี : มะลิ...ฉันไม่เป็นไร
เคน : มะลิไม่เป็นไร ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนั้นเขากำลังทำเพื่อโอดีอยู่

ถึงตรงนี้ปกรหันมาพยักหน้าให้กับมะลิ เป็นสัญญาณเพื่อบอกให้เชื่อใจเขา


โอดี : ให้ฉันจินตนาการ ว่านายเป็นคู่ต่อสู้ ที่ฉันอยากเอาชนะซินะ
ปกร : เข้าใจแล้วซินะครับ

จากนั้นโอดี ก็วาดภาพว่าเขาและKAVINMANกำลังเผชิญหน้ากับ Black jack ถึงทุกอย่างจะมืดสนิทแต่ภาพเขากับคู่ต่อสู้กลับเด่นชัดขึ้นกว่าแต่ก่อน

ปกร : เริ่มเลยนะครับ
โอดี : ฝากด้วยล่ะ



แล้วทั้งสองก็พุ่งเข้าหากัน

โอดีเหวี่ยงหมัดสุดแรง แต่ปกรเพียงแค่หลบลงเบื้องล่างสไลด์ตัวของเขาเองไปกับพื้น พลิบตาเขากลับตัวและพุ่งตัวขึ้นเข้าไปโจมตีโอดีอีกครั้ง โอดีตั้งกาด รอการปะทะ ปกรกระโดดเหวี่ยงขาเข้าไปปะทะที่กาดของโอดี โดยตรง และพลิกตัวอีกครังเตะเข้าไปที่ข้อพับของขาของโอดี..ทำให้โอดีทรุดตัวลง ปกรหยุดโจมตีและพูดขึ้นว่า

“ คุณนะ มีพลังที่มากกว่าผม แต่หากใจคุณไม่นิ่งจับการเคลื่อนไหวของผมไม่ได้ พลังของคุณก็ไม่มีโอกาสได้ใช้"

โอดีลุกขึ้นมาเขาพยายามตั้งสติ

“ ใจนิ่ง และจับการเคลื่อนไหว เจ้าหมอนี่พูดถูก ที่กาวินแมน แพ้ Black jack ก็เพราะแบบนี้  ”

ปกร เห็นว่าโอดีตั้งท่าพร้อมแล้วจึงพุ่งตัวไปอีกครั้ง เขาต่อยแบบรัวไม่ยั้ง โอดีรับได้บ้างไม่ได้บ้าง  เขาได้แต่คิดในใจ

“ เจอแบบนี้รวมสมาธิยาก ชะมัด แต่...ความรู้สึกนี่มันอะไรกัน ”

ปกรหยุดรัวหมัด พลิกตัวพร้อมกระโดดเตะ..จุดหมายคือศรีษะของคู่ต่อสู้ ทันใดนั้น โอดีก็ใช้แขนของเขาบล็อกขาของปกรแล้วจับเหวี่ยงไปทางด้านข้าง ปกรลอยเคว้งอยู่กลางอากาศก่อนตัวของเขาจะไปกระแทกกับต้นไม้อย่างแรงทำให้เขากระอักเลือด แรงกระแทกนั้นถึงกับทำให้ต้นไม้สะเทือน ใบไม้จำนวนหนึ่งล่วงลงจากต้นไม้

มะลิ กับ วิ รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของ ปกร

มะลิ/วิ : ปกร!!...นายเป็นอะไรรึเปล่า
ปกร : แหะๆ.... เขาทำได้แล้วครับ

จากนั้นทุกสายตาก็มองมาที่โอดี

วิกับมะลิช่วยกันพยุงร่างของปกรขึ้นมา และเดินไปหาโอดี เคนรีบวิ่งมาพยุงร่างชายหนุ่มแทนสองสาวทั้งสอง
โอดีแกะผ้าปิดตาออกจึงได้พบกับ หน้าตาของปกรเป็นครั้งแรก

โอดี : ขอบใจนายมากนะ นายเป็นอะไรรึป่าว
ปกร : ไม่เป็นไรครับ เมื่อเทียบกับอาการของผม เวลาที่โดนที่บ้านฝึกวิชาให้แค่นี้สบายมากครับ

ถึงตรงนี้มะลิหันมากระซิบกับ วิว่า

“เป็นไงล่ะยังอยากเป็นสะใภ้บ้านนี้อยู่รึเปล่า”

และวิก็ให้คำตอบกลับไปว่า

“ เร้าใจกันทั้งโคตร.....นี่ล่ะครอบครัวในฝัน (ดวงตาส่องประการระยิบระยับเชียว) ”

เคน: ขอบใจนายมากนะ ที่มาช่วยฝึกให้โอดีเค้านะ
ปกร : ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่แค่ซ้อมชกมวยทำไมต้องเน้นที่ประสาทสัมผัสถึงขนาดนี้ด้วยรึครับ
โอดี : ฝึกไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับ วันหนึ่งผมอาจจะได้ใช้สิ่งนี้ปกป้องครอบครัว
         ของผม
ปกร : เข้าใจแล้วครับ หากวันข้างหน้าผมได้ลงสนามประลอง และ ได้สู้กับคุณ ผมคง
           ต้องระวังเอาไว้บ้างแล้วล่ะครับ เพราะคุณเป็นคนที่เรียนรู้เร็วที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา

เคน : ดี....วันนี้เราเลี้ยงฉลองกัน...ฉันเป็นเจ้ามือเอง
 วิ : เอ๋แต่หนูกับปกรเพิ่งไปกินกันมาเองนะค่ะ
(ไชโยเพราะตอนที่เราไปกินกับกลุ่มเพื่อนๆ อยู่ต่อหน้าปกรเราเลยไม่ค่อยกล้ากินอะไรกลัวไม่งาม)

ปกร : ใช่ครับผมล่ะเกรงใจ
( โชคดีแหะเพราะตอนที่เราไปกินกับพวกเพื่อนๆ เราอึดอัดจนกินอะไรไม่ลง เพราะโดนพวกเพื่อนผู้หญิงจ้องเอาจ้องเอา)

มะลิ : น่าๆไปเถิด จะมีสักกี่วันกันที่พวกเราจะกินเลี้ยงกันสองรอบติด
    วิ : อืมๆ ก็ดะ ก็ดะ นี่ฉันไปเป็นเพื่อนปกรเข้านะเนี่ย ( โย่...ของฟรี )
ปกร : ครับผมยังพอทานไหวนิดหน่อย(หิวจะแย่อยู่แล้ว)


ตอนที่ 3 PART 1




     เด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับชัยชนะจากการตื่นนอนตอนเช้าเลยสักครั้ง เด็กสาวคนหนึ่งที่ชาตินี้ยังไม่เคยได้สัมผัสอารมณ์ร่วมของกลุ่มคนที่มาโรงเรียนทันเลยสักวัน... แต่! วันนี้! จะไม่เหมือนกับทุกวัน วันนี้....! ประวัติศาสตร์ของมวนมนุษย์ จะต้องจารึกไว้จวบจนรุ่นลูกรุ่นหลาน  วันนี้!...จะเป็นวันแห่งความหวังของเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะทอแสงประกายเพชรระยิบระยับให้กับโลกอันงดงามใบนี้





 “ 5555555  ในที่สุดช้าน...ก็ตื่นเช้าได้ ”


มะลิอาบน้ำแต่งตัวอย่างไม่รีบไม่ร้อน และลงมาข้างล่างรับประทาน
อาหารเช้าที่เธอแทบไม่เคยได้สัมผัสเลยในชีวิต


“ ว้าว.....นี่นะรึข้าวเช้า มันช่างหอมหวนระจวนจิตอะไรเช่นนี้ ”


ลุงเคนเองก็สุดจะปลื้ม.. และแสนจะภูมิใจในตัวหลานสาวของ
ตัวเอง ถึงกับเอ่ยปากชื่นชมกับหลานของตนว่า


“  ทีแรกลุงคิดว่าชาตินี้ลุงคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเสียแล้ว..........
    ขอบใจนะที่ทำให้ความฝันของลุงเป็นจริง ในที่สุดเธอก็ตื่นเช้าได้”


มะลิได้ยินดังนั้นจึงสมทบกลับไปทันที


“ ที่ผ่านมาถ้าหนูจะทำก็ทำได้ แต่นี่หนูสงสารลุงหรอกนะ...
   หนูจึงแสดงอภินิหารที่สุดแสน...จะตระการตาให้ลุงได้เห็น”


“โถ...แม่คุ้น..แสดงอภินิหาร....ชั้นประชดโว้ย!...ไปเรียนได้แล้วเดี๋ยวก็สายอีกหรอก”


มะลิเดินออกมาหน้าประตูหยิบรองเท้าออกจากตู้เก็บรองท้าวางลงพื้นหน้าบ้าน


มะลิ : ลุงค่ะ โอดีไปไหน ...เช้า!.....นี้หนูยังไม่เห็นเลย


เคน : เห็นว่าเขาได้งานทำแล้ว ( ทำไมต้องเน้นคำว่า"เช้า" ด้วยว่ะ..)


มะลิ : เอ๋....อย่าบอกนะว่าไปสมัคทำพวกแบกหามอีกอ่ะ เห็นกลับมาที
        ไรสภาพดูไม่ได้ทุกที


เคน : อ่อ...เท่าที่รู้ไม่ใช่นะ เห็นว่าเป็นงานในสวนสนุก เป็นงานสบายๆนะ


มะลิ : ก็ดีๆ ( การตื่นเช้าของเราคงทำให้วันนี้มีแต่เรื่องดีๆซินะ)



และมะลิก็นึกสิ่งที่เธอสงสัยขึ้นมาได้เธอจึงถามออกไป
 พร้อมกับยืดเท้าเอาเท้าใส่เข้าไปในรองเท้าทีล่ะข้าง


มะลิ : ลุงค่ะ ทำไมเดี๋ยวนี้โอดีถึงอยู่ติดบ้านจังค่ะ แล้วยังออกไปหางาน
        ทำอีก หนูว่ามันแปลกๆนะ


   เคนได้ยินคำถามของมะลิถึงกับเงียบไปสักครู่หนึ่ง


เคน : โอดีเค้าทำเพื่อพวกเราน่ะ


มะลิ : แหม..คนอะไรก็ไม่รู้ รู้ตัวช้าชะมัดว่ากำลังมาเกาะบ้านเรากิน
        อยู่แท้ๆ นะนี่นะ  อิอิอิอิ....


“ หนูไปแล้วนะค่ะ”
   มะลิบอกลาลุงเคน และเดินออกจากบ้านไป เธอเดินไปตามถนน
อย่างไม่รีบไม่ร้อน และเมื่อเธอได้สูดอากาศเย็นๆยามเช้ามันทำให้
เธอรู้สึกโล่งสบายไปถึงหัวใจ เมื่อมองตรงไปข้างหน้า เธอก็เห็น
แสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับพื้นถนนเป็นสีทองสดใส หมู่ผีเสื้อกำลัง
บินวนหยอกล้อกันกับเหล่า พฤกษาหลากสีสันช่างงามตา

“นี่นะรึรสชาติของการเดินไปโรงเรียนยามเช้า ที่เราเคยเห็นแต่ในทีวี ”





    มะลิเดินผ่านสวนสาธารณะซึ่งเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เธอจะต้องใช้
เป็นเส้นทางเดินไปและกลับจากโรงเรียนทุกวัน แต่ที่ผ่านมาเธอจะต้อง
เร่งรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อไปให้ทันเวลาเรียน น้อยครั้งที่เธอจะได้มีโอกาส
เดินชมความร่มรื่นและสิ่งแวดล้อมที่สวยงามของสวนแห่งนี้ และเมื่อเธอ
เดินเข้าไปถึงบริเวณใจกลางของสวนสาธรณะเธอก็ได้สังเกตเห็นเด็กผู้หญิง
หน้าตาน่ารักผิวขาวดุจดังเกร็ดหิมะ และยังอมชมพูจนเห็นได้ชัดที่บริเวณ
แก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างของเด็กน้อยคนั้น ดูจากความสูงแล้วเด็กคนนี้จะอายุ
ไม่เกินห้าขวบ แต่เมื่อมะลิสังเกตดีๆก็พบว่าตาของเด็กน้อยแดงกล่ำและ
เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังบนยอดของต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อมะลิจ้องตาม


 เธอจึงเห็นลูกโป่งสีแดงลอยไปติดอยู่บนยอดของต้นไม้สูง มะลิจึงพอ
จะประติดประต่อเรื่องราวได้ เธอจึงถอดรองเท้าและเริ่มปีนต้นไม้ทันที





     ธนานักธุรกิจร้อยล้าน ผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือมากที่สุดคนหนึ่งในวงการธุรกิจ
เขาเป็นเจ้าของ มูลนิธิต่างๆโดยเฉพาะมูลนิธิที่เกี่ยวกับเด็กไร้ที่พึ่ง ธนามักมีงาน
ยุ่งทุกวันแต่มีเพียงวันเดียวเท่านั้นในรอบปี ที่เขาจะต้องให้เวลา กับลูกสาวของ
เขาให้ได้ นั่นก็คือวันที่14กุมภาพันธุ์ ซึ่งก็คือวันครบรอบวันเกิดของต้นรักลูกสาว
ของเขา ที่ปีนี้ต้นรักอายุครบ11ปีแล้ว และวันเกิดปีนี้ลูกสาวของเขา  อยากจะให้
เขาพาเธอไปเที่ยวที่สวนสนุกที่มีชื่อว่า D.LAND เขาจึงตระเตรียมทุกอย่างเพื่อ
ให้วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ของต้นรักลูกสาวของเขา และไม่ว่าเธอ จะอยากได้อะไร
เขาจะหามาให้เพื่อชดเชย วันที่เขาไม่ค่อยมีเวลาได้ใกล้ชิดกับเธอ





     รถของธนาพร้อมขบวนคุ้มกันสี่ทิศ เดินทางออกจากคฤหาสน์เพื่อไปยังสวนสนุก
D.LAND ธนานั่งอยู่กับลูกสาวที่เบาะหลัง  ลูกสาวของเขาวันนี้ดูร่าเริงและมีความสุข
 ต้นรักกอดแขนพ่อของเธอแน่นไม่ยอมปล่อย คนขับรถของธนาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด


ผ่านกระจกมองหลังทำให้ เขาอดที่จะอมยิ้มไปด้วยไม่ได้ และ เขายังสังเกตเห็นสีหน้า
ของเจ้านายตนที่วันนี้ดูสดชื่นไม่เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา


     มะลิปีนลงมาจากต้นไม้สูงพร้อมกับลูกโป่งสีแดง แต่เนื่องจากเธอต้องใช้มือทั้งสอง
ข้างปีนป่ายเธอจึงต้องใช้ปากคาบเชือกของลูกโป่งไว้ แล้วใช้ร่างกายแทบทุกส่วนของ
เธอค่อยๆปีนลงมา เด็กน้อยจ้องมองเธอราวกับเธอเป็นHero ที่เพิ่งจะไปช่วยคนที่กำลัง
ติดอยู่บนตึกสูงแล้วมีไฟไหม้อยู่ก็ไม่ปาน และในที่สุดเธอก็ปีนลงมาถึงพื้นดินจนได้ มะลิ
นั่งชันเข่าลงกับพื้นและหยิบยื่นมอบลูกโป่งสีแดงให้กับเด็กน้อย

       เด็กน้อยได้ของรักคืนถึงกับยิ้มหัวเราะคิกๆอย่างมีความสุข เด็กน้อยเข้าสวมกอดและ
     หอมแก้มมะลิแรงๆหนึ่งที


“ ขอบคุงน้าค้าพี่สาว”

พูดจบเด็กน้อยก็วิ่งจากเธอไป มะลิลุกขึ้นยืน และรู้สึกว่าการที่เธอได้ทำความดี มันช่างทำ
ให้หัวใจของเธอรู้สึกสดใสและพองโตดีเหลือเกิน


“ฉันตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว! ต่อไปนี้จะต้องตื่นเช้าทุกวัน เพราะการตื่นเช้าทำให้พบแต่เรื่องดีๆ
มากมายนอกจากจะได้พบอากาศที่สดใสแล้ว เรายังสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ด้วย แถมเวลา
เดินไปโรงเรียนก็ไม่ต้องรีบร้อนอะไร  ไหน...ลองหยิบนาฬิกามาดูซิ เห็นมะดูซิขนาดเราปีนต้น
ไม้ตั้งนานยังเหลือเวลาตั้งสองนาทีกว่าวิชาแรกจะเริ่มเรายังพอมีเวลาที่จะ...แวะไป "



" เอ๋..ไม่จริงน่า!!! ไหนดูอีกทีซิ......สะ ส ส ส...สองนาที!!!!!"





“ สายแล้ว..! ”         นั้นคือคำที่หนึ่ง !





 “ไปไม่ทันแน่...! ”     นั่นคือคำที่สอง !





มะลิวิ่งสุดชีวิตเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทัน

 “เพราะน้องหนูคนนั้นแท้ๆ เราถึงได้มาสาย”

 และนั่นคือข้ออ้างที่เธอใช้ปลอบใจตัวเองในเช้านี้

    มะลิวิ่งออกมาพ้นจากสวนสาธารณะ เธอวิ่ง สุดชีวิตเพื่อ
ที่จะไปเรียนให้ทันเมื่อเธอมาถึงตรงถนนใหญ่เธอถึงกับต้อง
เครียดเพราะเธอต้องข้ามทางม้าลายเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง
ซึ่งตอนนี้มีรถวิ่งอยู่อย่างหนาแน่นและดูทีท่าจะไม่มีรถคันไหน
ยอมหยุดให้เธอข้ามสักคัน

“ จอดให้ชั้นข้ามหน่อยซิว่ะ รีบนะโว้ย”

โวยวายแบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเพราะเธอกระซิบ
 แต่ก็เหมือนโชคช่วยเมื่อเธอหันไปด้านข้างก็พบว่ามีเด็กหนุ่ม
ที่เพิ่งขี่รถจักยานเข้ามาจอดรอข้ามถนนเหมือนกับเธอ เขาคือ
ปกรนั้นเอง มะลิจึงรีบวิ่งขึ้นไปซ้อนเบาะหลังเขาทันที

“นี่ปกร ชั้นมะลิน่ะ ขอซ้อนท้ายนายไปโรงเรียนด้วยนะ”


“..................................(เงียบ)..................................”


“ แหะๆ..ไม่พูดอะไรแสดงว่าได้ซินะเดี๋ยวพอรถจอดให้ข้ามนายก็รีบ...”

มะลิพูดยังไม่ทันจบเธอก็รู้สึกได้ว่ารถจักรยานที่เธอนั่งมันได้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
 แต่ปัญหาก็คือ รถบนถนนใหญ่ยังวิ่งกันอยู่เลยเหอๆ

“ ปกร...ระวัง!”

จักรยานแม่บ้านที่เธอซ้อนมาด้วยเพิ่งปาดหน้ารถสิบล้อและรถขนแก๊ซLPG
 ที่มักจะเขียนสโลแกนคำว่าวัตถุไวไฟห้อยไว้ข้างหลังเสมอ ทำให้รถทั้งสองคัน
และที่ตามหลังมาด้วยเกิดต้องเบรกกะทันหันพร้อมกับบีบแตรสาบแช่งกันระนาว
เมื่อเธอผ่านข้ามมาถึงอีกฝั่งได้ จึงหันกลับไปดูก็พบว่าเท่าที่เธอเห็นนั้นไม่มีผู้ได้รับ
บาดเจ็บใดๆ

มะลิ :โล่งอกไปที.....นี่!ปกรนายทำบ้าอะไรของนายเกือบตายกันแล้วนะ


ปกร:……………………(เงียบ)...................


 ปล.ถนนที่รถจักรยานกำลังวิ่งอยู่นั้นเป็นทางดิ่ง ซึ่งไอแซกนิวตันเคยกล่าวเอาไว้ว่า...
มันจะทำให้จักรยานแม่บ้านของคุณ เร็วขึ้น.........เร็วขึ้น

รถจักรยานแม่บ้านที่ตอนนี้พุ่งด้วยความเร็วสูง....และกำลังพุ่งไปยังชุมชนที่มีผู้คน
อาศัยอยู่หนาแน่น

มะลิ:ปกรลดความเร็วหน่อยเซ่....คนเต็มถนนเลย

ปกร:……………(เงียบ)............................


เธอชักสงสัย เธอจึงมองไปที่เงาสะท้อนตรงกระจกตามร้านค้าข้างทางต่างๆ
ถึงจักรยานที่เธอซ้อนมานั้นจะปั่นด้วยความเร็วสูง แต่เธอก็พอมองออก ว่า
ไอบ้านี่มันหลับอยู่!!!

“ โกหกน่า......เฮ้ยตื่น....ตื่น..ซิว่ะ”

เธอไม่กล้าที่จะใช้มือไปเขย่าเพราะกลัวรถจะเสียหลัก แต่ตอนนี้รถจักรยานแม่บ้าน
ที่เธอซ้อนมาด้วยนั้นกำลังจะพุ่งเข้าใกล้จุดที่มีผู้คนหนาแน่นแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ใน
ตอนนี้ก็คือปล่อยน้ำตาแห่งความอัดอั้นนั้นออกมาและตะโกนไปให้สุดเสียง

“ หลบด้วยค้า..............  ฮือๆไม่..ไม่น่าขึ้นมาเลยกู....”


ผู้คนต่างแหวกหลบลี้หนีทางให้กับจักรยานแม่บ้านจอมซิ่ง พร้อมกับ
ส่งคำสาบแช่งตามหลัง มะลิใช้มือปิดหน้าปิดตากลัวว่าผู้คนจะจำเธอได้
 แต่เธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาจนได้ และรู้สึกว่าชายคน
นั้นจะเป็นเจ้า ของร้านขายอาหารทะเลที่เธอชอบไปนั่งทานเป็นประจำ

" นั่นมันมะลิเจ้าหนูนักวิ่งนี่นา "



ตอนที่3 PART 2





ครื้ด!!!........เสียงล้อของรถจักรยานเสียดสีกับพื้นกรวดยามที่เบรก
 มะลิค่อยๆก้าวขาออกจากเบาะรถจักรยานแม่บ้านและเธอเองก็
รู้สึกได้เลยว่าขาของเธอยังสั่นไม่หาย

“ ถะ....ถะ....ถะถึง...ในที่สุดก็ถึงโรงเรียน”

เธอค่อยๆ ก้าวขาเดินทีละก้าว

“ ทะ......ทะ....ทำไม..ขา..ฉันถ่าง! ”

เธอเดินอย่างยากลำบากเพื่อไปยืนอยู่ข้างหน้าของคนขับ
เอื้อมแขนทั้งสองข้างไปแตะตรงที่บ่าทั้งสองข้างของปกร
 จากนั้นก็
“ ตื่นได้แล้วโว้ย..................ไอบ้า.....”

เธอเขย่าสุดแรงเกิด จนกระทั่งปกรค่อยๆ ลืมตามาแบบงัวเงีย

 ปกร  : อ้าว......คุณมะลิ...หวัดดีครับ(งัวเงีย)
  มะลิ: เห๋.........นี่นาย อย่าบอกนะว่าหลับมาตั้งแต่แรกเลยอ่ะ
ปกร: เอ๋..............อ่อครับ มันเป็นวิชาของผมเองครับ (หาว...)
มะลิ : วะ...วะ..วิชา
ปกร: ครับ....ก็เริ่มตั้งแต่ลุกขึ้นมาอาบน้ำ แปลงฟัน ถ่ายหนักถ่ายเบา
ทานอาหารเช้ามาจนถึงขี่จักรยานมาเรียนนั่นล่ะครับ ผมใช้วิชา
นิทราเปิดจิต ซึ่งเราจะสามารถทำทุกอย่างตามโปรแกรมได้
ในขณะที่เราหลับ โดยใช้ประสาทสัมผัสเป็นตัวประมวลผล
และควบคุมการกระทำของร่างกาย คาถามันจะคลายก็ต่อเมื่อ
ผมมาถึงที่หมายนั่นก็คือโรงเรียนนะครับ คาถานี้มันช่วยให้ผม
มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เจ๋งใช่ไหมล่ะครับ แหะๆ ( ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ)

มะลิ : นิ..นาย  คาถาบ้าคาถาบออะไรกันย่ะ! คิดว่าตัวเองเป็นนินจารึไง
         หลับในแล้วยังมาแก้ตัวอีก (เดือดสุดๆ)
ปกร : เอ๋.....นินจา คืออะไรครับ
มะลิ : ยังจะมากวนโมโหอีก....

แล้วก็มีเสียงลิงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น

ปกร : อ่อ....ของผมเองครับ

เมื่อปกรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา
 มะลิสังเกตว่าสีหน้าของปกรได้เปลี่ยนไป เขาดูเครียด
ขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเขาก็ลุกออกจากจักรยาน

 ปกร : คุณมะลิครับ ผมฝากเอาจักรยานไปไว้ที่โรงเก็บด้วยนะครับ

พูดเสร็จปกรก็มีท่าทีที่รีบร้อนวิ่งออกนอกประตูโรงเรียนไป

มะลิ: อะไรของเค้านะ หมอนี่ท่าจะเพี้ยน อ่ะ!.. นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย...

 ณ.สวนสนุก D.LAND

ธนาพาลูกสาวของเขาเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกD.LAND ท่ามกลาง
บอดี้กาดคุ้มกันรอบทิศ นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว เขาเองเริ่มเหนื่อย
แต่ดูเหมือนลูกสาวของเขา จะยังมีพลังล้นเหลือ

ต้นรัก:คุณพ่อค่ะ
ธนา : ครับลูก
ต้นรัก : หนูอยากกินไอติมของคุณตัวตลกค่ะ
ธนา : ได้ซิครับต้นรัก

ต้นรักชี้ไปที่คนที่แต่งตัวเป็นตัวตลกยืนขายไอติมรถเข็นอยู่ใต้ต้นมะพร้าว
ต้นรัก ออกแรงดึงมือพ่อของเธอให้วิ่งตามเธอไป  แต่ทันใดก็มีโซ่เหล็ก
พุ่งมาจากทางด้านหลังเข้ามารัดขาของธนาทำให้เขาล้มลง ต้นรักเห็นพ่อ
ของเธอล้มลงจึงวิ่งเข้าไปหา แต่ก็โดนโซ่เหล็กอีกชุดหนึ่งเหวี่ยงเข้ามาพัน
ตรงลำตัวของเธอแรงกระแทกทำให้เธอกระเด็นถอยหลังไปพันติดกับต้น
มะพร้าวหัวของเธอก็โดนกระแทกทำให้สลบไป ธนาเห็นแบบนั้นถึงกับ
ร้องเสียงหลง “ไม่......”

 บอดี้กาดห้าคนวิ่งเข้ามาคุ้มกันธนา อีกสองคน วิ่งไปช่วยต้นรักโดยการใ
ช้มือพยายามแกะโซ่เหล็กที่พันร่างต้นรักติดกับต้นมะพร้าว แต่แกะยังไง
ก็แกะไม่ออก ส่วนบอดี้กาด ที่คุ้มกันธนาอยู่ก็ชักปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม
 ทุกคนอยู่ในสถานการณ์กดดันเพราะไม่รู้ว่าศัตรูจะโพล่มาจากทางไหน

แต่แล้วปืนที่บอดี้กาดทั้งห้าคนถืออยู่ก็ร้อนขึ้นมาจนต้องปล่อยมือออกจากปืน
ปืนทั้งห้ากระบอกตกลงสู่พื้นและมีไฟลุกขึ้นจากนั้นก็ค่อยๆละลาย บอดี้กาดทั้ง
ห้าถึงกับตะลึงในสิ่งที่ได้เห็น ส่วนอีกสองคนที่กำลังง่วนอยู่กับการแกะโซ่ช่วยต้นรัก
อยู่นั้น ก็โดนน้ำที่อยู่ๆโผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นดินขึ้นมาห่อหุ้มไว้ทั้งตัว ทั้งสองคนตกใจ
และพยายามดิ้นให้หลุดจากคุกน้ำนั่นแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายขาดอากาศหายใจจน
สลบไปคุกน้ำนั้นถึงสลายตัว

  ส่วนบอดี้กาดอีกห้าคนที่ยืนล้อมรอบคอยคุ้มกันธนาอยู่นั้น อยู่ก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าราวกับว่า
พื้นที่บริเวณนั้นไม่มีแรงดึงดูดธนาเองก็ลอยขึ้นเช่นกันแต่มีสายโซ่รั้งขาของเข้าไว้อยู่ ทำให้เขา
แค่ลอยขึ้น แต่ไม่ถึงกับลอยขึ้นฟ้าหายไปสุดสายตาอย่างเช่นบอดีกาดทั้งห้าของเขา

แต่แล้วสายโซ่ที่รัดขาของธนาอยู่นั้นก็ดึงเขาออกมาจากพื้นที่ไร้แรงโน้มถ่วง
 แต่ผลก็คือเขาตกลงมากระแทกกับพื้นดินอย่างแรง ธนาค่อยๆพยุงตัวของเขาเอง
ให้ลุกขึ้นมานั่ง และนั่นมันมันก็ทำให้เขาได้เห็น คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาหาเขา
ทั้งสี่คนนั้นล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงมาแล้วทั้งสิ้นคนแรกฟายเอ้อแมน ยอดมนุษย์
ที่สามารถใช้ไฟในการต่อสู้ คนที่สองคือW. Shooterยอดมนุษย์ที่สามารถใช้พลังวารี
ในการต่อสู้ คนที่สามคือ U.RIDER สาวสวยผู้ที่สามารถทำให้พื้นที่ใดก็ได้ให้เกิดสภาวะ
ไร้น้ำหนักไปชั่วขณะ ทั้งสามคนเป็นอดีตสมาชิกพันธมิตรHERO...
 และคนสุดท้ายคนที่สี่ BLACK JACK  HERO คนใหม่ที่เพิ่งได้รับการกล่าวขาน

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกบุรุษผู้หนึ่งจับตามองอยู่ เขาคือNew Headนั่นเองเขาเฝ้ามองเหตุการณ์
ทั้งหมดอยู่ในเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ เขาสนุกที่ได้เห็นทุกคนวิ่งเต้นไปกับแผนของเขา

“ น่าสนุกแหะนี่เราใช้อดีตHEROสี่คนสู้กับเจ้าธนา ใช้งานหนักไปรึป่าวนะ อิอิอิ ”


ฟายเอ้อแมน : โย่ว....มิสเตอร์ ธนา New head ให้พวกเรามาถามนายว่าจะยอมเข้ามาเป็น
                    พวกเราดีๆรึป่าว
ธนา : ฉันให้คำตอบพวกแกไปแล้ว ฉันยืนยันคำเดิม
ฟายเอ้อแมน : ฉันชอบคำตอบนายแหะ

พูดจบฟายเอ้อแมนก็เรียกไฟขึ้นมาในมือ และง้างแขนและพุ่งตัวตรงเข้าไปจู้โจมธนาทันใดนั้น
ถังไอติมรสสตอเบอรี่ ก็พุ่งเข้ากระแทกที่ใบหน้าของฟายเอ้อแมนจังๆทำให้เขากระเด็น
ถอยหลังไปไกล ทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องผู้ที่หาญกล้าคว้างถังไอติมรสสตอเบอรี่ใส่อดีตHERO
อย่างฟายเอ้อแมน  ลงไปล้มกลิ้ง ทุกคนต่างเรียกเขาเป็นเสียงเดียวกันว่า

 “ ตัวตลก! ”

ตัวตลกคนนั้นค่อยๆเดินมาและพูดคำที่เขาไม่ได้พูดมาเนิ่นนาน



“ กาวินแมน... แปลงร่าง..! ”





  โปรดติดตามตอนต่อไป






Now that the World isn’t endning It is love that I’m sending
 to You It isn't the Love of a Hero, And that’s why I fear it won’t Do.
 And they say that a Hero can Save Us I’m not gonna stand Here and
Wait I’ll hold on to the wings of the Heroes Watch as they all Fly Away



ตอนที่ 4 PART 1


“ กาวินแมน....แปลงร่าง....”

    เมื่อเจ้าตัวตลกพูดจบ อุณหภูมิบริเวณนั้นก็สูงขึ้น และแกนกลางความร้อนก็
มาจากเจ้าตัวตลกและทุกคนก็รู้ดีว่านั่นคือปฏิกิริยา ของกาวินแมนเวลาแปลงร่าง
เครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าของเจ้าตัวตลกค่อยๆละลายเยิ้มเพราะความร้อนดูแล้ว
ชวนขนลุก เสื้อผ้ามอดไหม้ผิวหนังปริแตกฉีกขาดและค่อยๆละลายจากนั้นก็มี
ผิวหนังสีดำที่แข็งแกร่งดุจทองคำ และชุดเกราะโผล่ขึ้นมาแทน

W. Shooter : กาวินแมน ผู้ที่ได้รับพลังลำดับที่16อย่างนั้นรึ
      U.Rider :  เจอความเก่ง ระดับ A เลยรึนี่
Black jack :  เอาจนได้ซิน่า
New head : โอ้ว......ลัคกี้... วันนี้ได้เห็นระดับA ถึงสองตัวเชียวรึ
 Fireman :   Damn!....ฉันเกลียดสตอเบอรี่..

การแปลงร่างเสร็จสิ้นแต่ชุดเกราะของ กาวินแมนยังคงร้อนระอุบ่ง
บอกถึงพลังที่สะสมไว้มาเนิ่นนานกำลังรอการปะทุ  กาวินแมน
 เดินเข้ามายืนข้างๆธนาและพูดออกไปว่า

กาวินแมน : คุณธนาคุณเคยมีบุญคุณต่อผม ผมถึงจะช่วยคุณ
                แต่ผมไม่สามารถสู้คนเดียวได้หากคุณจะสู้ นี่เป็น
                 โอกาสของคุณแล้ว เพราะพวกมันไม่ปล่อยคุณไปดีๆแน่
ธนา : แต่ว่า...
กาวินแมน : ไม่ต้องห่วงครับ ลูกสาวของคุณสลบไปแล้ว เธอไม่เห็น
                  คุณแปลงร่างหรอก


ธนา : เข้าใจแล้ว..

ธนาลุกขึ้นยืนและพูดคำว่า

“ G. warrior แปลงร่าง”

พริบตาเดียว ธนานักธุรกิจธรรมดาก็กลายเป็นยอดมนุษย์
ที่มีรูปร่างเหมือนยักษ์ในวรรณคดีก็ไม่ปานและมีความสูง
ถึงหกฟุต กล้ามเนื้อขยายใหญ่บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่ง
มีกระบองโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินให้ใช้เป็นอาวุธ

Fireman : ระดับ A ถึงสองตัว! เจ้าNew head
               มันใช้งานเราหนักเกินไปแล้ว..

Black jack : หึ...เจ้ากาวินแมนมันไม่เท่าไหร่หร๊อก

กาวินแมน : พวกนายเคยอยู่ในกลุ่มสมาชิกHERO ไม่ใช่รึไงกัน

W. shooter : แหมๆ ก็อยู่กับNew head มันได้เงินดีกว่านี่นา

U.Rider :  ใช่ แล้วล่ะ แถมอยู่กับ New head ก็จะมีชื่อเสียงอยู่ดี
                จะเป็นHeroรึไม่มันก็ขึ้นอยู่กับคนนอกเค้าตัดสินไม่ใช้รึ
                 ไงกัน

Fireman :ใช่ ชั้นเองก็ไม่อยากจะกลับไปขายไส้กลอกข้างทางแล้วล่ะ
               อีกอย่างในตอนนี้พวกเรานะเป็นHERO ส่วนพวกแกนะมัน
               Bad guy


ควับ!....ตุบ!   รู้ตัวอีกที Fireman ก็โดน G. warrior  พุ่งตัวเข้ามา
ใช้กระบองฟาดเข้าที่หัวกระเด็นกระดอนไปไกล W. shooterเห็น
เพื่อนโดนโจมตี ก็ตอบโต้กลับด้วยการ กระโดดสูงขึ้นเหนือหัว
 ของ G. warrior และเรียกน้ำมาที่ฝ่ามือเตรียมใช้พุ่งจู่โจม
 แต่ก็โดนกาวินแมน กระโดดขึ้นมาขวางหน้าและใช้ทั้งสองมือ
จับเข้าที่หัวของ W. shooter และแทงเข่ากระแทกเข้าไปที่กลางหน้า
ทำให้W. Shooter  ถึงกับหมดสติชั่วขณะและล่วงลงพื้นไปกระแทกพื้น


   G. warrior วิ่งมาอย่างรวดเร็วเพราะต้องการที่จะเหยียบW. Shooterซ้ำ
 แต่ก็โดนแม่สาวU.RIDER ใช้พลังไร้แรงโน้มถ่วงของเธอ ดึงรถรางที่อยู่
ใกล้ๆให้ลอยขึ้นและพุ่งชน G. warriorและกาวินแมนไปพร้อมๆกัน
แต่กาวินแมนสามารถกระโดดตีลังกาหลบพ้นมาได้ แต่กับ G. warrior
โดนไปแบบเต็มๆทำให้ตัวของเขาโดนรถรางทับร่างไว้อยู่

  Fireman เรียกไฟขึ้นมาบนฝ่ามือและพุ่งลูกไฟตรงไป ที่รถรางทำให้
รถรางระเบิดไปพร้อมๆกับG.Warrior เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
 กาวินแมน พุ่งตัวเข้าจู่โจมFireman ด้วยการย่อตัวอย่างรวดเร็ว
และกวาดขาไปตรงที่ข้อเท้าขอ Fire man แต่มันกับกระโดดขึ้น
เพื่อหลบการโจมตีกาวินแมนแก้ไขด้วยการลุกขึ้นและใช้ท่าเตะ
จระเข้ฟาดหางไปอีกที  ครั้งนี้ Fireman โดนไปที่ก้านคอเต็มๆ
ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า


 W. shooterไม่ปล่อยให้กาวินแมนพักมันเข้ามาจู่โจมต่อทันที
ด้วยการใช้พลังคุกน้ำ ทำให้น้ำจำนวนหนึ่งเข้ามาห่อหุ้มร่างของ
กาวินแมนเอาไว้ทั้งหมด แต่กาวินแมนกลับเรียกพลังทำให้ชุด
เกราะของเขาร้อนขึ้นทำให้น้ำที่ห่อหุ้มนั้นเดือดระเหยเป็นไอ
น้ำหายไปในทันที

   เมื่อคุกน้ำสลาย กาวินแมนก็พุ่งตัวมาชกเข้าไปที่ใบหน้าของ
W. Shooter อย่างรวดเร็วตามด้วยชกไปที่หน้าท้องอีกสองที
จากนั้นกระโดดถีบเข้ายอดหน้าและตามด้วยเตะกดเข้าที่ก้านคอ
สุดแรงอีกทีแรงกดอันมหาศาลของกาวินแมนทำให้W. Shooter
ล้มหน้ากระแทกพื้นปูนร้าวเป็นวงกว้าง

   U. rider กระโดดลอยตัวขึ้นฟ้าและใช้พลังทำให้พื้นที่บริเวณที่
กาวินแมนยืนอยู่เกิดสภาวะไร้น้ำหนักทำให้กาวินแมนลอยตัวขึ้นฟ้า
พร้อมกับเศษพื้นปูนที่แตกแยกออก กาวินแมนไม่สามารถตอบโต้ได้
แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน

G warrior ที่ได้สติลุกขึ้นมาและจับซากรถราง ที่มีไฟลุกท่วมอยู่และ
เหวี่ยงมันสุดแรงให้ลอยพุ่งตรงไปที่U. Rider ทำให้เธอโดนกระแทก
และปลิวไปตกบนหลังคาร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแถวนั้นพร้อมกับซากรถราง
ทั้งคัน ทำให้ร้านนั้นเสียหายยับเยิน และยังเป็นการปลดกาวินแมนออก
จากพันธนาการของพลังไร้แรงโน้มถ่วง

     เหตุการณ์ทั้งหมด ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ด้วยคอปเตอร์
ของสำนักงานข่าวสำนักหนึ่ง ที่บินวนเข้ามาทำข่าวได้สักพักแล้ว
นักท่องเที่ยวต่างพากันวิ่งหนีออกมาจากสวนสนุก ทั้งทหาร ตำรวจ
และหน่วยรบพิเศษต่างเคลื่อนไหว


  Black jack เองก็ไม่ยอมให้กาวินแมนตั้งตัวติด เขาใช้ดาบของเขาเข้า
ฟาดฟันกาวินแมนอย่างรวดเร็วและบ้าระห่ำ  กาวินแมน ทั้งหลบเลี่ยง
และปัดป้อง สุดชีวิต แต่นั่นมันยังไม่เพียงพอ กล้ามเนื้อและชุดเกราะ
ของเขาถูกดาบของBlack Jack เชือดเฉือน ฟาดฟันจนได้รับความ
เสียหาย กาวินแมนพยายามหาจังหวะสวนกลับ แต่แค่หลบเลี่ยง
และป้องกันไม่ให้โดนจุดตายแค่นั้นก็แย่แล้ว


     G. warrior กระโดดลอยตัวมาแต่ไกลเขาต้องการใช้กระบอง
 ทุบBlack Jack ให้แหลกเหลว เพื่อช่วยกาวินแมน แต่ Black Jack
ดันรู้ตัวเสียก่อน Black Jack กระโดดตีลังกากลับหลังเพื่อหลบการ
โจมตีอันทรงพลังของG. Warrior จากนั้น เขาก็รวบรวมพลัง
อัญเชิญ สายโซ่เหล็กนับร้อยเส้นพุ่งมาจากพื้นดินเข้าพันมัด
ร่างของ G. warrior  เอาไว้ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้

      W. shooter เองก็ ใช้จังหวะนี้ยิงน้ำพลังแรงสูง อัดกระแทก
เข้าไปที่หน้าอกของ กาวินแมน ทำให้กาวินแมนลอยกระเด็นไปไกล
 Black jack ไม่รอช้าใช้คาถาอัญเชิญโซ่เหล็กอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมัด
ร่างกาวินแมนเอาไว้ เพื่อถ่วงเวลา ให้Fire man ทำการรวบรวมพลัง
เพื่อใช้พลังอัคคีขั้นสุดยอด

เมื่อ Fire man พร้อม เขาได้ปล่อยพลังเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เข้าอัด
กาวินแมนเปลวเพลิงอันร้อนระอุสุดขีด ทำให้ทุกสิ่งบริเวณใกล้เคียง
นั้นมอดไหม้หมดสิ้นพื้นดินเองเมื่อโดนความร้อนจัดก็ละลายเป็นของ
เหลวสีแดงดั่งเช่นแม็กม่า

  แต่เกราะของกาวินแมนนั้นยิ่งโดนความร้องก็ยิ่งแข็งแกร่งพวกBlack jack
น่าจะรู้ข้อนี้ดี แต่ทำไมต้องให้Fireman เสียพลังตั้งมากมายเพื่อใช้ไฟมาเพิ่ม
พลังกับกาวินแมน

คำใบ้ต่อไปอยู่ที่W. shooter เขาใช้พลังปล่อยน้ำเข้าไปยังพื้นที่มีความร้อนสูง
เมื่อน้ำของW. shooter ไปโดนพื้นดินที่ร้อนจัดทำให้เกิดการเย็นตัวฉับพรันผล
ที่ตามมาคือเกิดควันตลบอบอวน

กาวินแมนยืนอยู่ท่ามกลางควัน เขาไม่สมารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย เขากลายเป็น
เป้านิ่งเขาจะทำเช่นไรดี เพราะเขารู้สึกได้ว่ามีอันตรายกำลังมาเยือนเขาท่ามกลาง
หมอกควันที่หนาแน่นนี้

Black Jack : กาวินแมน......ที่ผ่านมานายเก่งมากที่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตี
                 ของฉันไม่ให้โดนจุดตายของนายได้ แต่อยู่ในนี้นายมองไม่เห็น
                 จะตอบโต้ยังไงกัน

Black jack ต้องการพูดให้กาวินแมนเกิดความกระส่ำกระส่ายในหัวใจ
 เขาเข้าไปใกล้กาวินแมนอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว
 เขาเล็งดาบไปที่จุดตายของกาวินแมน

ใกล้อีกนิด.... ใกล้เข้าไปอีก....ระยะห่างแค่นี้เขาไม่พลาดแน่
 เขาง้าง....ดาบเตรียมเสียบเข้าที่กลางหัวใจ....


แต่ทันใดนั้นกาวินแมนก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วและใช้ฝ่ามือของเขา
จับไปที่กลางใบหน้าของฺBlack jack ยกตัวของBlack jack ขึ้นเหนือ
ตัวเขาและ จับหัวของBlack Jack กระแทกลงไปที่พื้นปูนอย่างแรง
 และใช้กำปั้น ชกไปที่ซี่โครงด้านขวาอย่างแรงจนมีเสียงของกระดูก
ซี่โครงหัก จากนั้นก็ยกตัว ของBlack Jack ขึ้นมาและพูดว่า

“ คนเรามันพัฒนากันได้”

จากนั้นก็ยกตัวให้Black Jack ลอยขึ้นอยู่กลางอากาศและถีบ Black Jack
 ให้ลอยออกมาจากนอกกลุ่มควัน W. shooter และ fireman ต่างตกตะลึง
กับสิ่งที่ได้เห็น เขาไม่คิดว่าผู้ที่พ่ายแพ้ในความมืดมิดนั้นจะเป็นBlack jack

   เมื่อกลุ่มควันจางหายไปก็เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า กาวินแมนและ
G. warriorหายตัวไป พวกเขาใช้ควันเป็นการอำพลางตัวเพื่อช่วยเหลือกันหลบหนีไป








                         


















ตอนที่ 4 Part  2



ณ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง

อาจารย์ สาวพราวเสน่ห์กำลังบรรยายความรู้ให้กับนักเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ

    “ถ้านักเรียนมองให้ดีๆ ถึงจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงแล้ว ใครที่เคยเห็นของจริง
หรือหาดูภาพจากตำราก็คงจะ เห็นว่าดินแดนลึกลับใน บริเวณปากทางเข้า จะมี
กลีบเนื้อ 2 แผ่นปกคลุมปากทางเข้าส่วนสงวน โดยกลีบเนื้อทั้งสองจะมาชนกัน
เป็นรูปตัว V แต่เป็นตัว V หัวกลับ ที่ส่วนโคนที่ชนกันนั้น มีปุ่มปมที่มีความหมาย
ที่สุดของลูกผู้หญิงอยู่ ปุ่มนั้นเรียกว่า 'คลิตอริส' เป็นปุ่มปมที่รวมศูนย์ประสาท
สัมผัสรับความรู้สึกเกี่ยวกับความพิศวาสเอาไว้ จนบางคนเรียกว่า ปุ่มกระสันต์
เป็นปุ่มกระตุ้นแล้วเกิดกระสันต์สวาทขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว เมื่อได้รับการกระตุ้น
ที่ปุ่มพิศวาสนี้พวกเธอก็สามารถที่จะสุขสมได้”

วิ : ดูดิพอถึงวิชานี้ทีไรพวกผู้ชายที่ชอบโดดมากันเกือบจะครบทุกคนอ่ะ ( กระซิบ)

มะลิ : ผู้ชายมาเกือบครบ แต่ลูกผู้หญิงอย่างเรามาครบทุกคน อิอิอิ (กระซิบ)

อาจารย์พูดเสริมท้ายในการสอน

  " เอาล่ะนักเรียนวันนี้อาจารย์สอนไปสองเรื่องแล้วนะค่ะ อย่าลืมไปทบทวน
 เพราะชั่วโมงหน้าอาจารย์จะสอบวัดความรู้สามบทรวด  หวังว่าทุกคนจะตั้งใจ
อ่านหนังสือและมาเอาคะแนนจากอาจารย์นะค่ะ อ่อ แล้วผลการนับสาวเวอร์จิ้น
ที่เราทำกันเมื่อตั้นชั่วโมงอาจารย์จะไปนับคืนนี้ได้ผลอย่างไรอาจารย์จะมาบอก
อีกทีนะค่ะ "


พอถึงตรงนี้นักเรียนในห้องต่างพากันหัวเราะคิกคัก มีเพียงมะลิที่ยังทำหน้างง

มะลิ : วิๆ นี่ๆ ที่อาจารย์พูดเขาหมายถึงอะไร อ่ะ
    วิ : ก็แกน่ะมาสายเลยไม่รู้ อาจารย์เขาให้เราเขียนใบประเมินว่าสาวๆในห้อง
เราน่ะยังเวอรจิ้นอยู่รึป่าว โดยเขียนข้อมูลในส่วนของเราไปส่งในกล่องของอาจารย์
 แล้วอาจารย์จะเอาไปนับและส่งผลให้กับทางโรงเรียนเพื่อวัดระดับอะไรบางอย่าง
 ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน.... แต่แกไม่ต้องห่วงนะส่วนของแกอ่ะชั้นทำส่งให้ไปแล้ว

มะลิ : หูย.....ขอบใจมากนะวิ แกนิเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ว่าแต่มีผลสำรวจแบบนี้
         ออกมาก็ดีเหมือนกันนะ ชั้นเองก็อยากรู้ว่านอกจากชั้นและเธอยังมีใคร
          ที่ร่วมอุดมการณ์ จิ้นข้านี้คงกระพัน หลงเหลืออยู่อีกรึป่าว อ่ะ

   วิ : นั่นดิฉันก็อยากรู้ แต่ของเธออ่ะฉันเขียนไปในใบสำรวจว่าเธอเสียเยื่อพรหมจรรย์
        ไปนานแล้ว...

มะลิ : อ่อ...ชั้นก็ชมไปแล้วนิว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เอ๋!......มะตะกี้ว่าไงน้า!...........
          จะบ้ารึไงฉันยังไม่เคยผ่านชายใดเลยนะ เธอก็น่าจะรู้นี่วิ

   วิ : ไม่รู้ดิก็ฉันเห็นเธอมาสายทีไร  ชั้นก็จะต้องเห็นภาพเธอกระโดดแหกขา
        เพื่อเข้าห้องมาเช็คชื่อให้ทันอย่างหวุดหวิดทุกเช้า ฉันก็เลยวิเคราะห์อย่างดี
        แล้วว่ามันน่าจะขาดไปแล้ว

 มะลิ : อะไรกันพรหมจรรย์ ของผู้หญิงเรามันขาดกันง่ายๆอย่างนั้นเชียว..?
     วิ : อืม.....อาจารย์บอกว่าแค่เราขี่จักกระยานก็อาจทำให้ฉีกขาดได้แล้ว


( ถึงตอนนี้มะลิก็นึกถึงการขี่จักรยานแม่บ้านตะลุยเจ็ดแดนนรกของเธอกับปกร
  เมื่อเช้านี้ ซึ่งมันทั้ง...กระดก..กระแทก...กระทุ้ง...กระเทือน.. ถ้าเมื่อคืนก่อน
 เธอยังมีเยื่อพรหมจรรย์หลงเหลืออยู่บ้างมันคงโดนทำลายไปแบบย่อยยับใน
  เมื่อเช้านี้ พอเธอนึกถึงตรงนี้เธอถึงกับอุทานขึ้นมาว่า)

“ ปกร นะ ปกร เมื่อเช้าทำชั้นเกือบตาย แล้วยังจะมาทำลายพรหมจรรย์ของชั้นจน
  เสียหายยับเยินอีก ถ้าเจอตัวแม่จะเอาให้ลุกไม่ขึ้นเรย คอยดู "

อาจเป็นการอุทานที่ดังจนเกินไป แต่ที่สำคัญคือเนื้อหาของคำอุทานที่สามารถทำให้
เพื่อนทั้งห้องของเธอเกิดอาการหยุดชะงักอย่างพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมาย
 ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ


            วิ : เมื่อกี้เธอว่าไงน้า..... ปกรทำอะไรของเธอยับเยิน เหรอ...(แบบว่าเดือดสุดๆ)
หัวหน้าห้อง: แล้วถ้าเธอเจอปกร...เธอบอกจะทำอะไรให้เขาลุกไม่ขึ้นนะ
        มะลิ : เห๋......นี่พวกเธอกำลังคิดอะไรกันอยู่รึนี่

ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคำตอบจากมะลิอยู่นั้น อาจารย์ประจำชั้นก็วิ่งหน้าตาตื่น
เข้ามาในห้องและพูดกับทุกคนว่า

“ ทุกคนรีบกลับบ้านได้แล้ว! ตอนนี้ทางการประกาศ สภาวะฉุกเฉิน ให้ทุกคนรีบ
   กลับบ้านของตัวเองโดยด่วน  และให้ถึงบ้านภายในสองชั่วโมง แต่ถ้าใครกลัว
    กลับไม่ทันให้ไปอยู่บ้านเพื่อนรึไม่ก็ไปบ้านของอาจารย์ก็ได้ ”


รอบๆสวนสนุกที่ตอนนี้กลายเป็นสมรภูมิของเหล่ายอดมนุษย์ ถูกปิดล้อมไปด้วย
กำลังทหารตำรวจรอบทิศ แต่ยังไม่มีคำสั่งให้หน่วยใดบุกเข้าไป


หลังจากกลุ่มควันจางหายจนหมดสิ้น Fire man และ W. shooter ก็ได้พบกับ
หลุมขนาดใหญ่ที่เป็นโพรงลึกลงไปใต้ดิน

Fire man : มันคงหนีโดยใช้ทางนี้
W. shooter : เท่าที่เรารู้เจ้าสองคนนั่น ทำแบบนี้ไม่ได้แน่

 New head ที่เป็นฝ่ายจับตาดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ เวลานี้ได้เดินมาถึงจุดที่เคยเป็น
สมรภูมิของเหล่ายอดมนุษย์แล้ว New head มองไปรอบๆ และหันมาพูดกับพวก
Fire manว่า

New head : คนที่มาช่วยกาวินแมน.. G. warrior แล้วก็เจ้าเด็กน้อยนั่น เป็นกลุ่ม
ของยอดมนุษย์ที่เคลื่อนไหวอยู่อย่างลับๆคนพวกนี้เคยเรียกตัวเองว่า กลุ่มพันธมิตร
HERO ยังไงล่ะ

Fire man : เป็นไปไม่ได้ ก็พวกนี้โดนกวาดล้างไปหมดแล้วนี่
W. shooter :  New head  เราต้องรีบพา U. rider และ Black Jack ไปให้ N. Blood รักษา
New head : อ่อจริงซินะ ทั้งสองคนนี้บาดเจ็บหนักเอาการ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก ไม่ว่าแผล
จะรุนแรงแค่ไหน ถ้าอยู่ในมือของ N. Blood ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง พวกทหารกำลังจะเข้ามาแล้ว
เรารีบไปกันก่อนจะดีกว่า


มะลิและ วิ กำลังวิ่งผ่านสวนสาธารณะที่เธอใช้เป็นทางลัดกลับบ้านทุกวัน

มะลิ : นี่ๆ วิฉันกับปกรเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆนะ
    วิ : เออ....รู้แล้ว แกอธิบาย ให้ฉันฟังเป็นสิบๆรอบแล้วนะ.. ว่าแต่..แกดิ..
        วิ่งมาตั้งนาน...ไม่เห็น...แกจะรู้สึกเหนื่อยเลย.. ส่วนชั้นนี้จะเป็นลม.....

มะลิ : แหะๆ  ลืมแล้วรึไงชั้นอ่ะวิ่งมาเรียนทุกเช้า
    วิ : เออดิ

ทั้งสองยังคงวิ่งต่อไป แต่มะลิสังเกตเห็นวิหิ้วถุงกระดาษ มาตั้งแต่เช้าแล้วเธอ
เกิดความสงสัยจึงได้ถามเพื่อนรักออกไป

“ นี่วิ เห็นหิ้วถุงนั่นตั้งแต่เช้าแล้ว มันคืออะไรเหลอ”

วิได้ยินเพื่อนถามถึงถุงกระดาษของเธอ เธอถึงกับหน้าแดง และหยุดวิ่งเสียดื้อๆ
ทั้งสองสองหยุดวิ่งและยืนอยู่กับที่  วินิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ คอนแท็คเลนส์นะ คือ...ฉันซื้อมาให้ปกรเค้าในโอกาส ที่เขาเข้ามาเป็นสมาชิก
    ใหม่ของม6.ห้องC. แต่วันนี้เค้ากลับไม่มาเรียน  ”

มะลิเห็นทีท่าเขินอายของเพื่อนรักเธอถึงกับอมยิ้ม แต่ก็เกิดความสงสัยบางอย่าง
 จึงถามไปอีกคำถามหนึ่ง

มะลิ :  ว่าแต่ปกรเขาใส่คอนแทคเลนส์ด้วยรึชั้นไม่เคยเห็นเขาใส่มาเรียนเลย
   วิ : ก็คืนที่เราจัดงานเลี้ยงต้อนรับปกร คืนนั้นไง พวกสุเทพและพวกเพื่อนๆผู้ชาย
        ไปตามปกรที่ที่ห้องพักของเขา ก็แบบว่าไปโดยไม่ได้บอกปกรก่อน เธอก็รู้นี่
        มะลิว่าพวกสุเทพเป็นพวกไม่ค่อยจะมีมารยาทอ่ะ พอไปถึงก็เปิดประตูเข้าไป
        ในห้องของปกรเลย พวกสุเทพบอกว่า ปกรอ่ะมีสีหน้าตกใจสุดขีดเลยล่ะ เพราะ
         ตอนนั้นเขาใส่แค่กางเกงในตัวเดียว 555 แต่ที่สำคัญก็คือพวกสุเทพบอกว่า
        เห็นปกรใส่คอนแทคเลนส์สีม่วงเข้มด้วยล่ะ ชั้นก็เลยรู้ว่าเขาชอบใส่คอนแทค
        แฟชั่นสีม่วงเข้ม ชั้นก็เลยซื้อให้เขาไง

   มะลิ : คอนแทคเลนส์....สีม่วงเข้มอย่างนั้นเหรอ?

ณ ฐานลับของกลุ่มมักกร Black jack และ U. Rider กำลังได้รับการรักษาจาก N. Blood
ผู้ได้รับพลังลำดับที่14 เธอมีความสามารถในการปลูกถ่ายอวัยวะ และการักษาพยาบาล
ได้ทุกรูปแบบ เธอจึงได้รับการจัดให้อยู่ในระดับAด้วยเช่นกัน  N. Blood ใช้เวลาไม่นาน
ในการรักษาอาการบาดเจ็บของทั้งคู่ให้หายขาด และไม่แน่ร่างกายของทั้งคู่อาจจะแข็ง
แกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป พลังของ N .Blood  แม้แต่ New head ยังชื่นชม และคิดว่าเขา
ช่างโชคดี ที่ได้เหล่ายอดมนุษย์ฝีมือดีมากมายมาอยู่ในมือ

Black Jack หลังจากได้รับการรักษา เขาจึงได้สติและลุกขึ้นนั่งบนเตียงพยาบาล เขาเอา
มือลูบคลำ บริเวณหน้าท้องตรงซี่โครงที่โดนกาวินแมนชกจนกระดูกหัก ถึงแม้จะไม่มี
อาการเจ็บปวดแล้ว แต่ภายใต้จิตสำนึกเขายังคงจดจำความเจ็บปวดในตอนนั้นได้ดี
นัยตาสีม่วงเข้มของเขาในตอนนี้ได้บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่จะกระทำการบางอย่าง



                                
                                             



























       ตอนที่5


PART 1



  เขตอันตราย16 เป็นเขตที่เมื่อหลายสิบปีก่อนเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น
มันเป็นการต่อสู้ที่ทุกคนจำกันได้ดี ศึกครั้งนั้นคือศึกที่เหล่าผู้มีพลัง
เหนือมนุษย์ ถูกทางการและอำนาจมืดกวาดล้าง การต่อสู้ที่ยืดเยื้อ
และรุนแรง ทำให้เมืองในเขตนี้ถูกทำลายอย่างย่อยยับ และ ถูกทาง
การปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด และ ตั้งชื่อว่าเขตอันตราย16

      เมืองต้องห้ามแห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่พร้อมจะถล่มลงมา
และกับดักระเบิดมากมาย แต่ที่นี่ภายใต้พื้นดิน มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเก่า
 แห่งหนึ่งถูกสร้างเป็นฐานลับและที่ใช้หลบภัยของเหล่าพันธมิตรHERO
ที่ยังคงเหลือรอดอยู่  โอดี ธนา และ ต้นรักก็ถูกคนของที่นี่ช่วยและพามา
ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน ถายในสถานีแห่งนี้เต็มไปด้วยห้องต่างๆมากมาย
 ที่เมื่อก่อนอาจใช้เป็นห้องจัดแสดงสินค้า และร้านอาหารต่างๆ
มีห้องพยาบาล ห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกพอประมาณ
และอุโมงรถไฟที่ทำให้เคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีใคร
สังเกตเห็น



และในห้องพยาบาลใต้ดินแห่งนี้ต้นรักเด็กน้อยผู้โชคร้าย ได้รับบาดเจ็บ
จากแรงกระแทกที่ศีรษะ ทำให้เธอนอนสลบ มาจนถึงตอนนี้ ช่างเป็นภาพที่
น่าหดหู่ยิ่งนัก โดยเฉเพาะ กับธนา ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของเธอ ธนายืนดูลูกของ
ตนที่นอนสลบอยู่ ก็ได้แต่โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้ลูกสาวของเธอได้รับ
บาดเจ็บ..ในใจของเขาทั้งเจ็บปวด และโกรธแค้น



“ ฉันไม่ต้องการมันสักหน่อย ไอพลังแบบนี้ พลังที่ทำให้ทุกคนต้องมาเจ็บปวด”


ในขณะ ที่ธนากำลังโกรธแค้นพลังของตัวเองอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวเดินเข้า
มาจากทางด้านหลังของเขา เธอพิงกับขอบประตูและพูดกับเขาว่า



“  พลังที่คุณมี  ถึงคุณได้มันมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว แต่คุณจะใช้มันยังไงเท่านั้น
ที่คุณต้องรู้ เป็นคำพูดของกัปตันA. DEES   หัวหน้าของกลุ่มเราพูดไว้เสมอ  ”





    ธนา : คุณคือ
แอนนา :  ชั้นชื่อ แอนนา รึที่คุณรู้จักกันในนามเหยี่ยวแดง
     ธนา : เหยี่ยวแดง คุณคือHeroสาวเพียงคนเดียวที่ไม่มีพลังวิเศษ
แอนนา : ถ้าคุณลองมาอยู่ที่นี่คุณจะรู้ว่าไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว...แต่
               จะยังไงก็ช่าง ทุกคนรอคุณอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เราควรจะรีบไป

แอนนานำทางธนาเดินไปตามทางเดินเพื่อตรงไปยังอีกห้องหนึ่ง
เมื่อถึงหน้าประตูเธอก็เคาะประตูไปสามครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
เธอเดินนำหน้าเข้าไปภายในห้องก่อนจากนั้นธนาก็เดินตามเข้าไป
และพบว่าภายในห้องมีชายสองคนยืนคุยกันภายในห้องนั้นอยู่ก่อน
แล้ว  คนแรกคือโอดี คนที่สองคือคนที่เขาเองก็รู้จัก ชายคนนั้นก็คือ Q


 เป็นชายผู้มีพลังอ่อนแอที่สุด  แต่พลังของเขากลับเป็นหนึ่งใน
พลังที่ทุกคนนั้นใฝ่ฝันและต้องการ มีไว้ครอบครองมากที่สุดเช่นกัน
นั่นก็คือพลังแห่งการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการบาดเจ็บและ
ความเยาว์วัยตลอดกาลจนแทบจะเรียกว่าเขาคล้ายๆจะเป็น
อมตะเลยก็ว่าได้  แต่Q เองก็เป็นผู้ที่มีความฉลาดปราดเปรื่องจน
กัปตัน A DEES ไว้วางใจให้ดูแลจัดการองค์กรยามเขาไม่อยู่


Q : อ่อคุณ ธนาในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสพบกับคุณสองคน พร้อมกัน
      ผมคือQ เป็นผู้ดูแลที่นี่ตอนนี้

ธนา : คุณออกมาต้อนรับเองแบบนี้แสดงว่า A Dees ไม่อยู่รึยังไง

โอดี : เกิดอะไรขึ้นกับ A DEES

Q : ครับคุณถามได้ตรงประเด็น   แต่ก่อนอื่นผมขอเล่าสถานการณ์
    ของพวกเราให้ฟังก่อน เดิมที่พวกเราหลบซ่อนและระดมพลกันอย่างลับๆ
     ภายในเขตอันตรายที่16แห่งนี้ เพื่อที่จะนำกำลังของพวกเราขึ้นไปถล่มกลุ่ม
     มังกรในเวลาที่เหมาะสม ภายใต้การนำของกัปตัน A Dees แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน
    ฐานลับเก่าของเราถูกพวกมันหาพบ และนำ กำลังของพวกมันเข้าจู่โจมจนฝ่าย
   เราเสียหายยับเยิน เราเสียพวกพ้องไปมากมาย แต่ที่สำคัญ  A Deesz ผู้นำของ
  พวกเราโดนพวกมันจับตัวไป จนในที่สุดเราก็มากลับมาก่อตั้งฐานทัพใหม่ที่นี่
  แต่ปัญหาก็คือเรา เสียคนไปเป็นจำนวนมาก เราจึงจำเป็นต้องให้คุณช่วย


ธนา : ดังนั้นจึงยอมเสี่ยง ส่งคนไปช่วยชีวิตพวกเรา
   Q : ครับ เพราะพวกคุณเป็นถึงผู้มีพลังระดับA ถ้าเข้าร่วม ก็จะเป็นกำลังหลัก
         ให้พวกเราได้ เป็นอย่างดี อย่างน้อยการบุกไปช่วย A Dees ก็ต้องมีผู้มี
           พลังระดับA 6คนขึ้นไป

ธนา : แต่พวกเรานะถอนตัวมาแล้ว เราอยากใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป
   
    Q : ผมเข้าใจครับ...แต่ตอนนี้เจ้าพวกนั้นคงไม่ยอมให้คุณอยู่อย่างเป็นสุขแน่
         ท่าพวกมันยังอยู่ ตัวคุณและลูกสาวของคุณก็ต้องเจ็บปวดแบบนี้เรื่อยไป


โอดี : มีแต่ต้องสู้เท่านั้น  ซินะ


   Q : ถูกต้องแล้วล่ะครับ  มีแต่ต้องสู้เท่านั้น... ที่สำคัญนับวันเจ้าNew headมัน
        จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันรวบรวมคนที่ได้รับพลัง เอาไว้มากมาย หากยัง
        ปล่อยไว้แบบนี้ สักวันมันอาจจะแข่งแกร่งเกินกว่าเราจะต่อกรได้
โอดี : เดิมที หลังจากทางการออกปราบปรามยอดมนุษย์ในครั้งนั้น ก็ไม่มีใคร
          ยอมใช้พลังของตนให้ใครเห็นอีก ทุกคนต่างหลบซ่อนตัวในสังคม และ
          และไม่กล้าใช้พลัง จนกระทั่ง New head ยื่นข้อเสนอ และค่าตอบแทน
         ที่ราคาสูง ทำให้ทุกคน ที่หลบซ่อนตัว ออกมาเปิดเผยตัวเพื่อเข้าร่วมกับ
         New head มากมาย
   Q : ครับและดูเหมือน ทางการก็จะเล่นด้วยกับมันในครั้งนี้
โอดี : น่าแปลก...ทำไมทางการที่ตอนแรกนั้นกลัวว่า คนอย่างพวกเรา
         จะเป็นภัยต่อสังคม ถึงกับสั่งทหารออกปราบปราม แต่พอมาครั้งนี้
         กลับ สนับสนุนให้มีการระดมพลผู้มีพลังเหนือมนุษย์ และอ้างว่า
         พลังของพวกเราสามารถ ปกป้องสังคมได้
ธนา : จะไปคิดมากทำไม พวกนักการเมือง มันก็เต้นไปตาม คำสั่งเจ้า
         New head นั่นล่ะ
 Q  : ใช่ครับ และผมเกรงว่า ตั้งแต่แผนกวาดล้างในตอนนั้น และแผนฟื้นฟู
        Hero ในตอนนี้ น่าจะเป็นแผนเดียวกันครับ
ธนา : ใช้ตัวเบี้ยให้คุ้มค่า.....และกำจัดทิ้งซินะ
โอดี : ร้าย..กาจมาก

   Q : อ่อ คุณ โอดีครับ เรื่องที่ทางบ้านคุณจะเกิดอันตรายเมื่อกาวินแมน
          ปรากฏตัว ข่าวนี้คงเป็นความจริงซินะครับ.....แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ
          ผมให้คนของเราไปพาตัวมาที่นี่แล้วครับเดี๋ยวก็คงถึง


โอดี : อ่อ..ครับ ผมเองก็กำลังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่...ถ้าQ พูดแบบนั้นผมเองก็
          ค่อยเบาใจหน่อย





ฝนตกหนักมาตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงเย็นวันนี้ฝนก็ยังไม่หยุดตก


 ท้องฟ้ายังคงมืดมัว ถนนเต็มไปด้วยน้ำที่ท้วมขังเพราะไม่สามารถ


ระบายน้ำได้ทัน มะลินั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถยนต์สีดำสนิทด้านหน้า


มีคนขับและ คนที่นั่งข้างคนขับ ทั้งสองคนเป็นผู้ชายใส่สูทสีดำสนิท


 พวกเขาบอกกับเธอว่า ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอันตราย ให้เธอมากับ


พวกเขา แล้วเขาจะพาเธอไปหาโอดีซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอจึงขึ้นรถ


มากับพวกเขา  แล้วพวกเขายังบอกอีกว่าส่งอีกทีมไปรับตัวลุงเคน


เรียบร้อยแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เรื่องราวมันเป็นมายังไง รู้แต่


เพียงว่าเธอเป็นห่วงคนในครอบครัวของเธอที่สุด





   เนื่องจากฝนที่ตกหนักและข้างหน้ายังเป็นที่ที่กำลังสร้างสถาณี
รถไฟฟ้าใต้ดินแห่งใหม่ ทำให้รถที่เธอนั่งอยู่เข้าไปอยู่ในระบบปัญหา
จราจร ที่ติดหนักสุดๆ ดังนั้นรถคันนี้จึงแทบจะไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน
มาร่วมชั่วโมงแล้วเธอทำได้แค่เพียงมองวิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วย
ตึกแถวเล็กใหญ่เรียงรายตลอดแนวสองข้างทาง





     ในเวลาเดียวกันนั่นเอง ณ.ห้องประชุมขนาดใหญ่ของ ธรรมเนียบ
รัฐบานายกรัฐมนตรี กำลังกล่าวเปิดตัวโปรเจ็ทใหม่ของรัฐบาล ที่จะ


ทำร่วมกับภาคเอกชน นั่นก็คือให้การสนับสนุนก่อตั้ง สมาพันธ์ยอด
มนุษย์ ซึ่งรวบรวมเหล่าบรรดา ผู้มีพลังวิเศษ จากทั่วทุกทิศเพื่อมา
เป็นหน่วยงานที่จะคอยรักษาความปลอดภัยของประเทศนี้ โดยมี
 New headเป็นผู้บริหารองกร และ เป็นผู้ประสานงานกับนายกรัฐ
มนตรีโดยตรง ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่จากสำนักงาน
ข่าวจากทั่วโลก





   ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยนักข่าวจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมงานเปิด
ตัวในครั้งนี้ นักข่าวแต่ละคนก็ถามคำถามที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่มี
นักข่าวจากสำนักงานข่าวไหนเลยที่กล้าถามคำถามที่เคลือบแคลงใจว่า
เหตุใดองค์กรที่มีประวัติมืดมัวถึงได้มาร่วมงานกับรัฐบาลได้ และการที่รวบ
รวมบุคคลที่มีพลังวิเศษเอาไว้มากมาย ภายใต้การบัญชาของตน มันก็
เหมือนกับว่าบุคคลนั้นมีอาวุธชีวภาพที่ะมีความคิดไว้ในครอบครอง
แต่ข้อมูลเพียงเท่านี้ไม่ว่าใครก็น่าจะเดาออกแล้วว่า New head กำลังยึด
อำนาจของประเทศนี้ไว้ได้แล้วเกือบทั้งหมด รัฐบาล ก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิด
ที่จะขยับตามคำสั่ง  มนุษย์โดยเฉพาะนักการเมืองมักดูออกง่าย..เพียงแค่รู้
สิ่งที่พวกมันต้องการ พวกมันก็จะกระโดดงับก้อนเนื้อชิ้นโต ที่เราโยนให้
เท่านี้ มันก็จะทำงานตามคำสั่งโดยไม่ปริปากบ่น แล้วอย่างนี้ใครมันจะกล้า
ท้าทายกัน ก็ในเมื่อเราจะยกมือเพื่อประชาธิปไตยก็ต่อเมื่อเราได้รับผลประ
โยชน์จากมันเท่านั้น...มนุษย์ที่ช่างน่ารังเกลียด





รถที่มะลินั่งอยู่นั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย การที่ต้องอยู่ในที่แคบๆในวันที่
ฝนตกมันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก แต่แล้ว ก็...



 ตู้ม!.....คลื่น!!!!!  คลื่นๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!



เสียงดังก้องทั่วทุกทิศ พื้นดินสั่นสนั่นหวั่นไหว ทำให้มะลิถึงกับสะดุ้ง
 เมื่อเธอมองไปตามที่มาของเสียงเพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็พบว่ามี
รถตักดินขนาดยักษ์ ที่มักจะใช้ในงานก่อสร้างรถไฟใต้ดิน มันต่างจากรถ
ตักดินทั่วๆไป ทั้งรูปร่างและเคลื่องมือที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างและรื้อถอน
และความสูงของมันเท่ากับตึกสองชั้น เลยทำให้มันเป็นเครื่องจักรกลที่น่า
เกรงขามและที่สำคัญมันกำลังย้อนศรวิ่งมาตามถนนบุกเข้ากระแทก กวาด
งัด บทขยี่รถคันอื่นหงายคว่ำล้ม ละเนละนาด และมันกำลังพุ่งตรงมาทางนี้
 ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีตายออกจากรถของตนเอง .ชายใส่สูทสองคน รีบพา
มะลิออกจากรถ และจับมือเธอพาวิ่งออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด



ผู้คนต่างวิ่งเบียดเสียดกัน คนที่ล้มลงก็โดนคนที่วิ่งมาเหยียบซ้ำ ไม่มีใคร
เห็นชวิตคนแปลกหน้าสำคัญเท่าชีวิตตน


เหมือนมีการเตรียมการไว้ก่อน มีคนของสำนักงานข่าวสำนักหนึ่ง
อยู่บนสะพานลอยข้ามถนนและกำลังถ่ายภาพเหตุการณ์ ที่กำลัง
เกิดขึ้นเอาไว้ ราวกับว่ารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุที่นี่ ...
ไม่นาน เหตุการณ์ระทึกขวัญอันนี้ก็ ออกอากาศแบบสดๆไปทั่วประเทศ


ในขนะที่มะลิกำลังวิ่งหนีตายอยู่นั้นตาของเธอก็เหลือบมองไปเห็นTV.
จอใหญ่ที่ติดอยู่บนตึก ตึกหนึ่ง ในจอนั้นเธอเห็นตัวเองกำลังวิ่งหนีตาย
อยู่ น่าแปลกที่กล้อง ราวกับว่าต้องการเจาะจงถ่ายแต่เธอเพียงคนเดียว
ราวกับจงใจ แต่เธอก็ต้องสลัดความสงสัยออกไปก่อนและหันมาตั้งสติ
ในการหลบหนี



 ชายชุดดำคนที่จูงมือวิ่งนำหน้า พามะลิหนีอยู่นั้น จู่ๆเขาก็ล้มลงกระแทก
พื้นอย่างแรง และ เนื่องจากมือของเขาจับมือมะลิไว้อยู่ทำให้มะลิเองก็ล้ม
เสียหลักล้มลงไปนอนกองกับพื้นด้วยเช่นกัน  ชายชุดดำอีกคนวิ่งเข้ามา
พยุงตัวมะลิให้ลุกขึ้นยืนและพาวิ่งต่อโดยไม่สนใจชายชุดดำอีกคนที่ล้มอยู่





มะลิ : นี่ๆ แล้วอีกคนล่ะพาเค้าไปด้วยซิ


ชายชุดดำ : เอริเก้...เขาตายแล้วครับ



มะลิได้ยินถึงกับตกใจ และมองหันหลังกลับไปดูร่างของชายคนนั้นเธอก็เห็นแท่ง
เหล็กสีดำปักไปทั่วทั้งร่างของชายคนนั้น





มะลิ : ทำไมกัน


ชายชุดดำ : เพราะมีคนต้องการกำจัดคุณครับ





รถตักดินค่อยๆวิ่งตรงมาเรื่อยๆ มันทำลายสิ่งกีดขวางทุกชนิด และเข้าใกล้มาเรื่อยๆ


 ชายชุดดำที่พามะลิวิ่งอยู่เห็นท่าไม่ดีจึงพาเธอฝ่าผู้คนเข้าไปในตัวอาคารและพาเธอ


วิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วขึ้นไปชั้นสอง เขาพาเธอไปยังห้องๆหนึ่ง และปิดประตูลง


กลอนจากข้างในและพาเธอไปมุดแอบอยู่ใต้โต๊ะ


 “ คุณมะลิครับหลบอยู่ในนี้ ห้ามเข้าใกล้หน้าต่างและประตูนะครับเดี๋ยวผมมา”



พูดจบชายชุดดำคนนั้นก็วิ่งไปที่หน้าต่าง และกระโดดพุ่งตัวออกไป เขาวิ่งตรงไป
ตามระเบียงเพื่อมุ่งหน้าไปหารถตักดินยักษ์ และเมื่อถึงที่หมาย ชายคนนั้นก็กระโดด
ออกจากขอบระเบียงลงมาที่หลังคารถตักดินยักษ์ที่กำลังวิ่งอยู่ เขาจับที่ราวเหล็ก
ตรงขอบหลังคาและโหนตัวใช้ขาถีบทะลุกระจกเข้าไปภายในห้องคนขับ  แต่ภายใน
ห้องนั้นกลับไม่มีใคร

    เมื่อเขามองไปที่หน้าจอที่แผงควบคุมมันกลับขึ้นคำว่า  AP. หมาย


ความว่าการทำงานทุกขั้นตอนของมัน ได้ถูกใครบางคนตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าแล้ว


 เขาไม่รอช้ารีบจักการกดปุ่มปิดระบบการทำงานของมัน แต่หน้าจอที่แผงควบคุมกลับ
ขึ้นคำว่า กรุณาใส่รหัสผู้ใช้งาน  เขาเห็นแบบนั้นถึงกับเลือดขึ้นหน้า หยิบปืนพกมาจาก


ซองแล้วยิงไปที่แผงควบคุม แต่ผลของการกระทำกลับทำให้สถานการณ์ ยิ่งแย่กว่าเก่า


เนื่องจาก ระบบรวนทำให้รถคนนี้เคลื่อนที่เอียงไปทางซ้ายและชนเข้ากับตัวอาคาร


และกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไปเรื่อยๆ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้มันต้องไปถึงห้องที่มะลิ


ซ่อนตัวอยู่แน่นอน





รถตักดินยักษ์ เคลื่อนที่ทำลายตัวอาคารไปเรื่อยๆ กระจกและตัวอาคารแตกหัก
และถล่มพัง..อย่างต่อเนื่อง ชายชุดดำไม่รอช้าปีนขึ้นไปบนหลังคารถอีกครั้งและ
 หาจังหวะแล้วกระโดดขึ้นสุดตัว ใช้มือไปจับที่ขอบระเบียง ของตัวอาคาร แล้วปีน
ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปตามขอบระเบียงเพื่อไปหามะลิ แต่แล้วระเบียงที่
ชายชุดดำกำลังใช้วิ่งอยู่ก็ค่อยๆหักพังตามการทำลายของรถตักดินยักษ์ที่ไล่หลัง
ชายชุดดำมาเรื่อยๆ
    เมื่อวิ่งมาถึงหน้าต่างของห้องที่มะลิหลบอยู่เขาก็กระโดดเข้าไปในห้องนั้นทันที รีบจับมะลิ
ออกมาจากโต๊ะ ที่ใช้ซ่อนตัว  และช้อนตัวมะลิขึ้นมาอุ้มและพาเธอวิงออกไปนอกหน้า
ต่างบานเดิมและตรงไปที่ระเบียงจากนั้นก็กระโดดออกจากระเบียงอย่างหวุดหวิดก่อน
ที่ทั้งอาคารจะโดนทำลายจนหมดสิ้น ชายชุดดำและมะลิกระโดดลงมาถึงพื้นก็ล้มกลิ้ง
ไปกับพื้นถนนที่เจิ่งนองไม่ด้วยน้ำฝนที่ท้วมขังด้วยกันทั้งคู่ แต่เนื่องจากมะลิถูกชาย
ชุดดำอุ้มไว้ก่อนตอนจะตกถึงพื้นเธอจึงไม่เป็นอะไรแต่ชายชุดดำเหมือนว่าขาของเขา
จะได้รับบาดเจ็บจากการตกลงมาจากที่สูงและยังต้องแบกน้ำหนักของเธอไว้ด้วย
มะลิ เห็นแบบนั้นก็รีบใช้ทั้งสองมือของเธอลากตัวชายชุดดำออกจากพื้นที่อันตราย
 มาถึงริมทางเดินของอีกด้านหนึ่งของถนน แต่รถยักษ์คันนั้นยังคงทำลายเมืองต่อ
ไปเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆ รถยักษ์คันนั้นที่มีน้ำหนักหลายตันก็ลอยขึ้นฟ้าเหมือนกับว่าตัว
มันไม่มีน้ำหนักและมีลูกไฟหลายสิบลูกพุ่งตรงไปที่รถยักษ์คันนั้น ทำให้รถคันนั้นเกิด
ระเบิดกลางอากาศ เศษชิ้นส่วนของรถคันนั้นกระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ
เมื่อมะลิมองไปยังทิศทางที่ลูกไฟพุ่งมาก็พบว่า มันมาจากหลังคาของรถบัสรับ
ส่งนักเรียนสีเหลืองคนหนึ่งมที่ถูกจอดทิ้งไว้ และบนหลังคานั้น ก็มีชายหญิงคู่
หนึ่งยืนอยู่บนหลังคา มะลิรู้จักพวกเขาดี Fireman  กับ  U. rider นั่นเอง


นักข่าวที่ทำการแพ่รภาพอยู่บนสะพานลอยเมื่อสักครู่ พอได้ภาพFireman และ
U. rider ช่วยกันปกป้องเมืองจากรถตักดินยักษ์ไฮเทคที่ระบบเกิดรวนจนทำลาย
เมืองย่อยยับ ได้แล้วก็รีบเก็บอุปกรณ์ วิ่งลงสพานและขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่เตรียมไว้
ขับออกจากพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว


Fireman : ว่าเว้ย.....เซ็งจริงเป็นHERO กับเขาทั้งที่ต้องมารับบทช่วยเมืองจากรถ
                   ตักดินนี่นะ New head นะ New head จะสร้างสถานการณ์ ทั้งทีเอาให้มัน
                     เจ๋งๆหน่อยไม่ได้รึไงนะ อย่าเช่นช่วยโลกไว้จาก รถยนต์ประหลาดที่แปลง
                    ร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ อะไรแบบเนี้ย

U. rider : เอาน่าอย่าบ่นหน่อยเลย งานของเรามันยังไม่จบซะหน่อย


 พูดจบ U rider ก็หันมามองมะลิ และยิ้มที่มุมปาก


U. Rider  : ไง สาวล่ะสาวน้อยเธอคงเป็นดวงใจของเจ้ากาวินแมนมันซินะ
              

                                    " ถ้าอย่างนั้นขอมารับตัวไปเลยก็แล้วกัน"





ตอนที่ 6
PART 1
สองวันต่อมา

ยามค่ำคืน ณ.ใจกลางลานเทพเทพี เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งอยู่
ใจกลางเมืองที่ถูกล้อมรอบ ไปด้วยอาคารสูงมากมาย เหตุที่ตั้งชื่อว่า
ลานเทพเทพี เพราะมันเป็นที่ตั้งของ วัตถุโบราณเก่าแก่อายุหลายพัน
ปีมีรูปทรงเป็นพีรามิด มันถูกสร้างขึ้นจากหินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียว
มันมีชื่อว่าศิลาเทพ และ มันถูกตั้งอยู่ที่ใจกลางของลานเทพเทพีและ
ยังเป็นใจกลางของเมืองหลวงแห่งนี้อีกด้วย ชื่อของลานเทพเทพีก็ตั้ง
มาจากรูปสลัก  ที่เป็นรูปเทพธิดากำลังยืนอยู่บนยอดของภูเขา มือข้าง
หนึ่งถือดาบชูขึ้นฟ้า มืออีกข้างหนึ่งถือม้วนเอกสาร ซึ่งรูปนั้นก็ถูกสลัก
ไว้อยู่ตรงใขกลางของวัตถุโบราณนั้นพอดี

วันนี้เป็นวันครบรอบการก่อตั้งระบอบประชาธิปไตยครั้งแรกของประเทศนี้
ดังนั้นทั้งในและนอกลานกว้างแห่งนี้จึงถูกตกแต่งไปด้วยไฟประดับน้อย
ใหญ่ที่พากันแข่งอวดความโดดเด่นของสีสันของตน... ผู้คนต่างพากัน
มาเดินชมและร่วมสนุกสนาน กับเทศกาลที่ลานแห่งนี้เพื่อชมการแสดง
และร่วมเล่นกิจกรรมต่างๆและเพลินไปกับโชว์แสงสีเสียงที่ทางภาครัฐ
และเอกชนจัดร่วมกันแบบนี้ทุกปี

 เวทีขนาดใหญ่ถูกจัดตั้งขึ้นมาจากพื้นที่ ที่เคยว่างเปล่า  ศิลปินนักร้อง
ชื่อดังมากมายต่างพากันทยอยสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีเพื่อสร้างความบันเทิง
ให้กับผู้ร่วมงาน  และปีนี้นักเรียนม.ปลายจากโรงเรียนชื่อดังห้องหนึ่งได้ถูกทาง
เขตเสนอชื่อให้.ได้รับหน้าที่จากทางโรงเรียนให้มาจัดซุ้มเพื่อให้ความรู้เกี่ยว
กับเรื่องของการปกครองแบบระบบประชาธิปไตย ให้กับบุคคลทั่วไปที่เข้ามาร่วม
ภายในงานในคืนนี้  ดังนั้น วิและเพื่อนๆต่างวุ่นอยู่กับหน้าที่ของตนที่ได้ถูกจัด
แบ่งหน้าที่กันเอาไว้  วิได้รับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ ซึ่งความจริงเธอต้องได้ทำ
หน้าที่นี้คู่กับมะลิ แต่จนป่านนี้แล้วมะลิก็ยังไม่มา
ในตอนนี้วิทำได้แต่บอกกล่าวเชิญชวนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้เข้ามาร่วมกิจกรรม
ที่จัดขึ้นภายในซุ้มโดยกลุ่มของเธอ  แต่ภายในใจของเธอนั้นเป็นห่วงเพื่อนรักของเธอ
เป็นที่สุด เธอนึกย้อนไปเมื่อ  ไม่กี่ชั่วโมงก่อนตอนที่เธออยู่ที่บ้านและกำลังเตรียมตัวที่
จะมาช่วยเพื่อนๆ  จัดซุ้มที่ลานเทพเทพี เธอได้เห็นข่าวที่ถ่ายทอดสดมายังโทรทัศน์
ของที่บ้านเธอ ทำให้เธอได้พบเห็นสิ่งที่น่าใจหายที่สุดนั่นก็คือ เธอเห็นภาพมะลิเพื่อน
สนิทของเธอกำลังวิ่งหนีจากเหตุการณ์เครื่องจักรกลเกิดเหตุระบบขัดข้อง จนทำให้เกิด
เหตุระทึกขวัญขึ้นที่ใจกลางเมืองที่ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ผู้คนในตอนนี้ โชคดีที่
ไม่พบผู้เสียชีวิตเธอจึงค่อยเบาใจหน่อย แต่เธอก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

   หลังจากนั้นวิก็พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปหามะลิตลอดเวลา แต่ก็ไม่
สามารถจะติดต่อได้เลย เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนของเธอจะโพล่มาใน
งานนี้ เธอจึงรอด้วยความเป็นห่วงและร้อนใจยิ่ง

   ภายในห้องพักระดับ VIPของโรงแรม ที่จัดไว้ให้กับผู้นำประเทศ...
มีการคุ้มกันความปลอกภัยโดยตำรวจอย่างแน่นหนา ห้องนี้อยู่ภายใน
โรงแรมหรูที่ไม่ไกลจากเวทีที่ใช้จัดการแสดงภายในลานเทพเทพีนัก
 เพราะอีกไม่นานท่านนายกคนใหม่ของประเทศนี้มีกำหนดการที่จะต้อง
ขึ้นกล่าวเปิดงานให้อย่างเป็นทางทางการในอีกไม่กี่สิบนาทีต่อจากนี้
 และภายในห้องแห่งนี้นอกจากตัวนายกแล้ว ยังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ภายให้ห้อง..


        นายก : ผมทำตามที่คุณสั่งแล้ว ตอนนี้พวกที่มีพลังพิเศษ ค่อยๆออกมา
                    ลงทะเบียนเพื่อเป็นสมาชิกในโครงการของเราเกือบจะครบ200คนแล้ว
New head : เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...คุณทำงานในส่วนของคุณดีมาก เพียงเท่านี้ความฝันที่
                   จะครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็จะเป็นจริงแล้ว
  
         นายก :  แล้วพวกหนูที่อยู่ในเขต16ล่ะ คุณจะให้ผมทำยังไงกับพวกมัน
NEW head : ไม่ต้องห่วง ปลาตัวที่ชั้นต้องการ มันจะต้องมาติดเหยื่อที่ชั้นเตรียมไว้
                    อย่างแน่นอน หลังจากนั้น นายจะทำยังไงกับพวกสวะที่เหลือก็ตามสบาย
                      ยังไงเราก็ได้ตัวกัปตันA. Dees มาอยู่ในมือแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องเป็น
                      ห่วงอีก

นายก : หึ....คุณนี่ก็ร้ายไม่เบาเลยนะ

“ก็อกๆ”

สิ้นเสียงเคาะ ประตูก็เปิดออก ผู้ที่เปิดประตูนั้นก็คือสาววัยกลางคน
 ซึ่งเธอก็คือเจนนิสผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเลขาให้กับท่านนายกรัฐมนตรี

“ ท่านค่ะ ถึงกำหนดการของท่านแล้วค่ะ”
“ ผมเข้าใจแล้ว...ขอบใจมากนะเจนนิส”
“ค่ะท่าน”

แล้วนายกก็ก้าวขาเพื่อจะเดินออกจากห้อง…แต่ก็เดินไปยังไม่ทันพ้น
ประตูห้องเขาก็หยุดเดินและหันกลับมาหาNew head ที่ยังคงยืนนิ่ง
อยู่ภายในห้อง

นายก : ว่าแต่ผมสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง...ทำไมต้องให้เด็กสาวคนนั้นเป็น
           ผู้ถือเพชรเทพเทพีด้วย  เพชรนั่นเป็นสิ่งล้ำค่า และมีเพียงชิ้น
            เดียวบนโลกใบนี้  เป็นของสำคัญ..  คุณน่าจะมีคนถือที่เหมาะ
            สมกว่านี้

New head : เชื่อซิเด็กคนนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว
        นายก : ก็.....ถ้าคุณว่าแบบนั้น ....ผมก็คงมีแต่ต้องเห็นชอบด้วย

แล้วนายกก็เดินออกจากห้องไป

แสงสีเสียงของงานในยามค่ำคืนช่างสวยงามยิ่งนัก การแสดงบน
เวทีชุดหนึ่งเพิ่งจบลง พิธีกรสาวสวยคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวที กล่าว
ทักทายผู้ร่วมงานด้วยประโยคสั้นๆ หลังจากนั้นเธอก็กล่าวเชิญบุคคล
สำคัญที่สุดของงานนี้ขึ้นมาบนเวที เขาคนนั้นก็คือท่านนายกรัฐมนตรี
 ที่เพิ่ง ได้รับการเลือกให้ได้รับตำแหน่ง ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานายกรัฐ
มนตรีเดินออกมาจากหลังเวที เสียงปรบมือจากผู้ที่เข้ามาร่วมงานดัง
สนั่น ท่านนายกเดินมาถึงบริเวณหน้าเวทีและเริ่มกล่าวคำทักทายพร้อม
กับโบกมือให้กับประชาชนผู้ร่วมงาน ณ.ลานเทพเทพี


ในขณะที่ผู้คนต่างให้ความสนใจต่อการมาของท่านนายก แต่วิณารัตน์
กลับฉวยโอกาสที่ผู้คนให้ความสนใจไปบนเวทีเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามะลิ
อีกครั้ง แต่ผลก็ออกมาเหมือนเคย ไม่มีใครรับสาย

“ ไปไหนของเธอนะมะลิ”

นายกคนใหม่กล่าวสุนทรพจน์ ที่เตรียมมาสักพักใหญ่ก่อนจะเข้าประเด็นสำคัญ

“ ทุกท่านครับวันนี้นอกจากจะเป็นเหมือนกับวันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันครบรอบ
วันก่อตั้งระบอบประชาธิปไตยของประเทศเราแล้ว....วันนี้ก็ยังมีเรื่องดีอีกหนึ่งเรื่อง
ครับ ทุกท่านครับ ศิลาเทพเทพี อายุกว่า6000ปีที่อยู่ตรงหน้าท่าน บนยอดสุดของ
ศิลานั้นเดิมทีมีช่องๆหนึ่ง เป็นที่ประทับของสิ่งล้ำค่าสิ่งหนึ่ง....สิ่งนั้นก็คือเพชรเทพ
เทพีครับ ที่ผ่านมารัฐบาลทุกยุคสมัยได้ตามหาสมบัติของชาติชิ้นนี้มาเนิ่นนานจน
กระทั่งเมื่อประมาณสามเดือนก่อน ผมได้ข่าวดีจากบุคคลท่านหนึ่ง เขาบอกกับผม
ว่าเขามีเพชรเทพเทพีไว้ในครอบครอง และเขาต้องการที่จะส่งมอบสิ่งล้ำค่านี้ให้เป็น
สมบัติของชาติเรา แต่น่าเสียดายครับเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวกับเรา ทั้งที่หากจะ
ขายแล้วหล่ะก็จำนวนเงินที่เขาจะได้ ก็คือจำนวนเงินที่เขาไม่จำเป็นต้องทำงานอีกเลย
ไปสองชั่วอายุคน แต่ที่สำคัญวันนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ700ปีที่เพชรเทพเทพีจะกลับ
คืนสู่ที่เดิมที่มันควรอยู่ วันนี้ผมและทุกคนทั่วทั้งโลกจะได้เป็นประจักษ์พยานของวันสำคัญ
นี้พร้อมกัน ขอทุกท่านเชิญพบกับ เพชรเทพเทพีพร้อมผู้อัญเชิญนางสาวมาลีรัตน์ สุภมงคลกร"   

แล้วแสงไฟบนเวทีก็ดับลง ความมืดมิดปกคลุมทั่วทั้งเวที ไม่มีใครที่จะสามารถรู้ได้ว่าบน
เวทีนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอยู่

พรึ่บ!

เมื่อแสงไฟบนเวทีเปิดขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้แสงไฟของเวทีเกือบทุกดวงได้ฉาย
แสงส่องไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่กลางเวที เธอสวมชุดราตรีสีขาวดูช่าง
สง่างาม มือทั้งสองข้างคอยประคับประคองกล่องใส  ที่ข้างในคือเพชรเทพเทพี
น้ำงามที่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ เปล่งประกาย รัศมีแวววาว
ผู้คนต่างตกตะลึงในความงามของเพชรเทพเทพีสมบัติของชาติที่หายไปนาน
ผ่านจอภาพขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ข้างเวที ที่จะคอยถ่ายทอดเหตุการณ์บนเวทีไว้
ทั้งหมด

ความงามของเพชรเทพเทพีต่างเป็นที่หลงใหลของผู้คนจนไม่มีใครที่ยากจะถอน
สายตาจากมัน มีเพียงวิณารัตน์ และเพื่อนร่วมชั้นเรียนเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจเพชรนั้น
เลยแม้แต่น้อย...ทุกคนไม่ใช่ว่าไม่มีความนิยมเรื่องเพชร.. แต่เพียงแค่เพื่อนๆทุกคน
ให้ความสนใจต่อผู้ถือมันมากกว่า...

“ นั่นมันมะลินี่นา....”

เพื่อนๆ ต่างตกใจในสิ่งที่พบเห็นและเรียกเพื่อนคนอื่นให้ออกมาดู และคนที่ดูเหมือน
ว่าจะตกใจที่สุดก็ไม่พ้นวิณารัตน์นั่นเอง

บนเวทีตอนนี้มะลิไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ในตอนนี้ เธอทั้งตื่นเต้นที่ต้อง
ออกมายืนท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ และความรู้สึกกลัวและหวาดหวั่นใจยิ่งนัก
เธอรู้ดี ว่าหากเป็นไปในชีวิตอันราบเรียบของเธอคงไม่มีโอกาสที่เธอจะได้แต่งตัวสวย
มายืนอยู่บนเวที ในวันสำคัญระดับชาติแบบนี้ แต่ที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้ได้ เป็นเพราะ
หลังจากที่เธอและชายชุดดำที่เธอมารู้ทีหลังว่าเขาคนนั้นชื่อเซ็น ถูก Fire man
 และ U. rider พาตัวไปที่ฐานลับของกลุ่มมังกร เพื่อไปพบกับ New head ด้วย
เหตุผลที่เธอก็ไม่รู้...เธอถูกบังคับให้มาเป็นผู้อัญเชิญเพชรเทพเทพี หากเธอไม่ทำ
เขาจะฆ่าคุณเซ็นทิ้ง ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็เพียงแค่ทำไปตามบทบาทที่
เธอได้รับมาก็เท่านั้น

New head ยังคงอยู่ในห้องเดิมบนตึกสูงของโรงแรม เขามองเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น
ที่ลานเทพเทพีผ่านหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกใสบานใหญ่ที่สูงกว่าสองเมตร เขาดู
เหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเดินไปตามแผนการของเขา

 แต่ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก
และมีชายคนหนึ่งสวมหน้ากากป้องกันแก๊สเดินเข้ามาชูมือข้างหนึ่งที่ถือปืน
พกแล้วเล็งไปที่New head ที่กำลังยืนหันหลังไปทางหน้าต่าง

“ หนีออกมาจนได้ซินะ ฝีมือนายนี่ก็ไม่เลวเลย”

พูดจบNew head ก็กลับหลังหันไปทางชายคนนั้น ซึ่งเขาก็ค่อยๆถอดหน้ากาก
ป้องกันแก๊สออกเขาคนนั้นก็คือเซ็นนั่นเอง

“ เข้าใจ ล่ะ ปล้นเอาหน้ากาก ปืน และระเบิดควันสลบ มาจากพวกทหารหน่วยพิเศษ
ที่เฝ้านาย  จากนั้นก็ใช้เพียงแค่ระเบิดควันสลบเพื่อไม่ให้เกิดเสียงปืน เพื่อที่จะเข้ามาให้
ถึงตัวชั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนายมันเก่งรึว่าพวกนั้นมันอ่อนหัดกันแน่นะ”

“ New head นายให้คุณมะลิทำแบบนั้นเพื่ออะไร”

“ ก็...หากเราจะตกปลาก็จำเป็นไม่ใช่รึไร เหยื่อล่อหน่ะ ”

“ กวินแมน...? ”

“  หึ ที่ตอนนั้นชั้นไว้ชีวิตกาวินแมน ก็เป็นเพราะว่าชั้นต้องการตัวมันเพียงแต่
ทางชั้นมันยังไม่พร้อม ไอ้ครั้นจะกักขังตัวมันไว้ก่อนแล้วรอวันที่ชั้นพร้อม มันก็
เสี่ยงเกินไป ที่จะกักขังไอคนที่มีพลังพิเศษขนาดนั้นไว้ในฐานลับของตัวเอง
ชั้นเลยปล่อยให้มันมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้แล้วค่อยใช้เหยื่อล่อมันออกมา
ในเวลาที่ชั้นพร้อม...ก็เท่านั้น...”

“ นายต้องการจะทำอะไรกันแน่”

“ ในเมื่ออยากรู้ขนาดนั้น...ทำไมนายไม่หันไปถามเพื่อนเก่านายล่ะ”

เมื่อเซ็นหันไปข้างหลังเขาก็พบบุรุษรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่และ
 เซ็นก็จำเขาได้ดีเขาก็คือ

“ กัปตัน A Dees”

กัปตัน A Dees ไม่พูดไม่จา..แต่กลับพุ่งมือข้างหนึ่งเข้ามาบีบคอของเซ็นและยกตัว
เซ็นขึ้นเหนือพื้นด้วยแขนเพียงข้างเดียวและบีบคอของเซ็นให้แรงขึ้นทีละนิด เซ็นถึง
กับตาค้างด้วยความตกใจและมึน งง

           เซ็น :  กัปตันA Dees ..ทำไมกันครับ ?

New head : 5555 นายยังไม่เข้าใจอีกรึ ไอขบวนการต่อต้านที่เขต16นั่นนะมัน
                   มีจริงที่ไหนกันเล่า ที่ผ่านมาผู้ที่ให้การสนับสนุนองค์กรของนาย
                    มาตลอดก็คือชั้นคนนี้ และกัปตัน A Dees ที่พวกนายนับถือกัน
                    นักกันหนา ก็เป็นคนของชั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
          เซ็น : ไม่...ไม่จริง!
New head : ยอมรับความจริงเสียเถิดนะ ถ้าพวกนายหมดประโยชน์กับชั้นเมื่อ
                   ใดทุกคนที่อยู่ในเขต16 หกสิบกว่าชีวิตจะต้องถูกกวาดล้างอย่าง
                   แน่นอน  ชั้นบอกนายเอาไว้ก่อน จะได้ไปรอล่วงหน้าในนรก

                 “กร๊อก..!!”

New head  : ให้ตายเซ่...A. Dees นายยังประมาณพลังตัวเองไม่ได้เหมือนเคย
                    เลยนะ...ชั้นยังพูดกับมันไม่จบเลย นายก็ดันบีบคอมันหักไปเสียก่อน

    A. Dees : ช่วยไม่ได้ ก็ไอหมอนี่มันดันอ่อนแอเองนี่นา...เป็นแค่มนุษย์แต่ดันทำเรื่อง
                   ที่เกิน..ความสามารถมนุษย์ เห็นแล้วมันอดไม่ไหวที่จะ..ะบีบตายคามือ
New head : คงจะอดทนมาตลอดเลยซินะ A.Dees ตอนที่อยู่ที่เขต16
 



PART 2


มะลิยังคงโชว์ตัวอยู่บนเวที ท่ามกลางแสงสีและเสียงเพลงจากวงดนตรีออเครสต้า
ที่ช่วยกันสอดคล้องทำให้บรรยากาศดูอลังการยิ่งขึ้น เธอต้องทำตามลำดับการที่
ทางทีมงานกำหนดมาให้ ดังนั้น เมื่อถึงท่อนเพลงที่เธอจะต้องทำบางอย่างตามสคลิป
 เธอก็ชูมือทั้งสองข้างที่คอยประคองเพชรเทพเทพีขึ้นเหนือหัว จากนั้นก็เกิดการใช้
เทคนิคพิเศษ นั่นก็คือเมื่อมะลิปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากเพชรเทพเทพี ทำให้ตอนนี้
ไม่สามารถมีสิ่งใดที่จะคอยยึดเหนี่ยวเพชรล้ำค่านี้ไว้ได้ แต่เพชรเทพเทพีกลับลอยอยู่
กลางอากาศได้ด้วยตัวมันเอง ทำให้ผู้คนต่างพากันตกตลึง เท่านั้นยังไม่พอ เพชรเทพ
เทพีที่ลอยอยู่กลางอากาศ อยู่ๆก็มีไฟลุกพรึ่บ! และพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า และตกดิ่งลงมา
โดยมีหางไฟเป็นแนวยาวทำให้ดูคล้ายกับดาวหาง มันพุ่งตรงไปชนกันยอดของศิลาเทพ
และเปลวไฟก็เหือดหายไป เหลือไว้เพียงเพชรเทพเทพีที่ประกอบเข้าไปกับยอดของศิลา
เทพ ทำให้ตอนนี้ศิลาเทพได้กลับมาคงความงดงามอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

  ผู้คนต่างตบมือส่งเสียงโห่ร้องกันดังสนั่นทั่วทั้งลานเทพเทพี แต่ผู้อยู่เบื้องหลังความ
อลังการของลูกไฟเมื่อสักครู่กับปริปากบ่นอยู่บนยอดตึกสูงแถวๆลานเทพเทพี

Fireman : อะไรกันไอการทำเทคนิคพิเศษนี่มันอยู่ในหน้าที่ของสุดยอดHeroด้วยรึนี่
U. rider : ชิ...จะทำโชว์อลังการทั้งทีดันต้องมาเพิ่งพลังเราได้ ขี้เหนียวชะมัด เจ้านายกคนนี้

เสียงตบมือของผู้ชมยังไม่ทันจางหาย....พลุไฟขนาดใหญ่ที่ถูกเรียงรายเป็นแนวหน้ากระดาน
อยู่ตรงหน้าเวทีก็พุ่งขึ้นมาสว่างวาบพร้อมกัน  สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมได้อีกไม่น้อย
จากนั้นม่านสีแดงสดขนาดใหญ่ที่ถูกกางปิดด้านหลังเวทีไว้ก็หลุดล่วงลงมา เผยให้เห็น
HERO ในสังกัดของ New head ทั้งชายหญิง ยืนเรียงแถวกว่า100ชีวิต ทุกคนสวมใส่
 ยูนิฟอร์มสีดำที่ถูกตัดมาสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ HERO ทุกคน มีเครื่อง
แบบที่เป็นสัญลักษณ์ที่เหมือนกัน เพื่อให้ผู้คนจดจำได้ง่าย 


นายก : ทุกท่านครับและนี่คือของขวัญที่ผมขอมอบให้กับทุกท่าน ! ผู้มีพลังพิเศษ
หนึ่งร้อยสามสิบสองชีวิตที่ท่านเห็นอยู่ตรงนี้ คือผู้ที่จะมาดูแลพวกเราทุกคน ในเช้า
วันพรุ่งนี้พวกเขาทุกคนจะออกเดินทางกระจายไปประจำที่อาคารสมาพันธ์HERO
ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อดูแลทุกท่านได้อย่างทั่วถึง  ขอเสียงตบมือ ให้กับ
ความกล้าหาญของพวกเขาด้วยครับ...

เสียงตบมือยังคงดังกึกก้องต่อเนื่องและยาวนาน... ผู้คนในประเทศนี้อยู่ในความมืด
มนมานานผู้นำประเทศต่างพากันโกงกิน เมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่คนนี้ ผู้ที่ให้
การสนับสนุนโครงการสมาพันธ์HERO มันจึงทำให้ภาพพจน์ของเขาดูดีขึ้นมาต่างจาก
 ผู้นำประเทศคนก่อนๆ ที่คอยแต่จะล้มล้างผู้มีพลังพิเศษเพียงแต่อย่างเดียว โดยไม่คำ
นึงว่าผู้ที่มีพลังพิเศษคนนั้นหรือกลุ่มนั้นจะใช้พลังเพื่อตัวเองเพื่อความสนุกหรือว่าเพื่อ
ช่วยผู้คนกันแน่ ก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะรักนายกคนใหม่คนนี้

Fireman และ U. rider ยังคงดูเหตุการณ์อยู่อยู่บนยอดตึกที่เดิม

Fireman : อะไรกัน...มีเครื่องแบบกันด้วย นี่มันลำเอียงกันนี่นา ทำไมNew head ไม่ให้ชั้นบ้างล่ะ
U. rider : หุบปากทีได้ไหม ชั้นฟังนายบ่นมาทั้งวันจนชั้นประสาทจะกินอยู่แล้วนะ 

 “ ยังคงน่าสมเพชไม่เปลี่ยนเลยนะพวกนาย”

เมื่อFireman และ U. rider หันไปตามเสียงที่พูดจาถากถาง เมื่อสักครู่ก็พบว่าผู้พูดก็คือ
โอดีนั่นเอง

Fireman : อะไรกันนายอีกแล้วรึเจ้าวีรบุรุษตกอับ
U. rider : ดูท่าจะมาช่วยยัยเด็กสาวนั่นคนเดียวซินะ
โอดี : หึ ผิดถนัด!

เมื่อโอดีพูดจบ ไฟฟ้าบริเวณลานเทพเทพีก็ดับพรึ่บ! ผู้คนในงานอยู่ในความมืดมิด
 สิ่งที่น่าแปลกนั่นก็คือในกลุ่มของผู้คนที่เข้ามาร่วมงานกลับมี บางคนเกิดประกาย
ของแสงไฟฟ้าออกมาจากตัวเอง แต่ละคนก็มีสีสันแตกต่างกันไป มันดูเด่นชัดมาก
ในความมืดและ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกระจายไปตามจุดต่างๆในหมู่ผู้คนหลาย
สิบจุด..  ของลานเทพเทพี พร้อมกับเสียงประหลาดที่จะเป็นเสียงเฉพาะของกระ
บวนการหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์

พรึ่บ!

เมื่อไฟฟ้ากลับมาสว่างไสวอีกครั้ง ผู้คนต่างตกใจ...เมื่อคนที่ยืนข้างๆของตนใน
ตอนนี้ได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ประหลาดที่มีรูปร่างแตกต่างกันไป ตามจุดที่เกิด
เหตุการณ์แบบนี้ผู้คนแถวนั้นจะถอยห่างออกมา และวิ่งหนี และมีหลายคน
ตะโกนขึ้นมาว่า

 “พวกผู้ก่อการร้ายเขต16”

 ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีออกจากงานเพราะถูกปลูกฝังจากสื่อทั้งหลายว่าหาก
พบผู้ก่อการร้ายเขต16อยู่ที่ไหน จะต้องมีการก่อการร้ายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

Fireman  : โอโห....ยกกันมาแยะขนาดนี้เชียวรึ
U. rider : แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะเกิน30คน ดูเหมือนทางชั้นมีคนมากกว่านะ
Fireman : นี่ๆ พี่ชายดูเหมือน New head ก็ถูกใจนายไม่น้อยกลับใจตอนนี้ก็ยังทันนะ
                ว่าไงไม่สนใจเข้าร่วมทีมกับเราหน่อยรึไง

โอดี : เคยมีใครบอกนายไหมว่านายมันปากมาก
Fireman : ว่ะ....วะ..ว่าไงนะ


“ กาวินแมนแปลงร่าง”

 หลังจากที่ไฟดับเมื่อสักครู่มะลิก็โดนใครคนหนึ่งจับตัวมาไว้อยู่บนด่านฟ้าของตึก
ใกล้ๆกับลานเทพเทพี เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนพาเธอมาที่นี่ เธอรู้แต่เพียงว่ารู้ตัวอีกที
ก็มาอยู่บนนี้แล้ว และ ตอนนี้เธอเองก็ถูกคนๆนั้นล็อคตัวเธอไว้ด้วยแขนของเขา
 โดยที่ตัวเธอหันหน้าออกจากเขาดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่แล้วคนๆนั้นก็ยื่น
หน้ามากระซิบข้างๆหูเธอ

“ ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่วิ่งหนี....ผมถึงจะปล่อยตัวคุณ”

มะลิพยักหน้างึกๆเพื่อเป็นการตอบตกลง จากนั้น ชายตนนั้นค่อยๆปล่อย
มือออกจากตัวเธอและ เมื่อมะลิหันไปดูว่าเขาคนนั้นคือใครกันแน่เธอก็แทบล้มทั้งยืน

 ชายสวมชุดเหมือนนินจานัยตาสีม่วง

“ นายคือ Black Jack ”

เมื่อมะลิรู้ดังนั้นก็หันตัวกลับวิ่งหนีทันที แต่วิ่งไปได้ไม่นาน ก็มีโซ่ติดใบมีดพุ่งมาจากทุกทิศ
เข้ามาจู่โจมมะลิ แต่แล้ว ก็มีชายคนหนึ่งเข้ารับการจู่โจมนั้นด้วยมีดสั้น เมื่อมะลิมองดีๆคนที่
มาช่วยเธอนั่นก็คือชายคนที่เธอวิ่งหนีมาเมื่อสักครู่นั่นเอง

 ในขณะที่มะลิกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ก็มีเสียงพูดของชายอีกคนพูดขึ้นมา

“ ฝีมือดีขึ้นนะไอน้องชาย”

เมื่อมะลิหันไปตามเสียง ก็พบว่ามีชายอีกคนที่สวมชุดคล้ายนินจานัยตาสีม่วงเช่นกัน ทั้ง
สองคนจะต่างก็เพียงชุดเกราะตามส่วนต่างๆของร่างกายที่ชายคนที่สองจะดูหรูหรามากกว่า
 แต่ที่สำคัญสิ่งที่มะลิสงสัยจนต้องอุทานขึ้นมาว่า..

“ ทำไมถึง...ทำไมถึงมีBlack Jack สองคนได้ล่ะนี่”

ในขณะที่เธอยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่นั้น ชายคนที่เข้ามาคุ้มกันเธอจากโซ่ใบมีดก็หันมาพูดกับเธอ
ถึงเขาคนนั้นจะมีหน้ากากปิดเอาไว้ แต่รู้ได้จากดวงตาว่าเขากำลังยิ้มให้กับเธอ

"ไม่ต้องกลัวนะครับคุณมะลิ ...ไม่ว่ายังไง.....คุณจะต้องปลอดภัย.."

ถึงเป็นการพบกันครั้งแรกแต่คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกวางใจและอบอุ่นขึ้นมา
อย่างบอกไม่ถูก แต่ว่า...เสียงของชายคนนี้..ทำไมเธอช่างคุ้นหูนัก





  โปรดติดตามตอนต่อไป